จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พบศพ น.ส.สุดารัตน์ บัวแสน อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ หลังก่อเหตุกระโดดลงจากเรือข้ามฟาก ขณะเรือแล่นข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง จมดิ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานกดไลก์เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมไว้ไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ได้ตัดสินใจจบชีพต้วเอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ซันมา อายุ 19 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายอุทัย อายุ 44 ปี ชาว จ.สระแก้ว และนายมาณพ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 930, 932, 933/2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ต.ค. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ได้มีข้อสั่งการให้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้ โดย พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อม พ.ต.ท.สมิทธิกิจ อินทรหอม รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 นำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 158-160/2567 ลงวันที่ 6 ก.ย. 67 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ จ.สระแก้ว จำนวน 3 จุด จุดแรกเป็นบ้านสวน เลขที่ 93 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมจับกุม นายอัครเดช อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.952/2567 ลงวันที่ 1 ต.ค. 67 และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.956/2567 ลงวันที่ 1 ต.ค. 67
จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 224 หมู่ 10 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายบุญโจม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.953/2567 ลงวันที่ 1 ต.ค. 67 น.ส.เกตุสุดา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.954/2567 ลงวันที่ 1 ต.ค. 67 และ น.ส.สุนารี อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.955/2567 ลงวันที่ 1 ต.ค. 67
จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 215 หมู่ 1 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมจับกุมตัว นายพิทวัส อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.931/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย. 67
พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ กล่าวว่า จากการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่เปิดบัญชี และรับสแกนหน้าถอนเงินออกจากบัญชีของ น.ส.สุดารัตน์ บัวแสน อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม ผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ได้ให้การว่ายังมีผู้กระทำความผิดในคดีนี้ ซึ่งเป็นขบวนการจัดหาบัญชีม้า และอำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชีม้า และพบความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยมีการแบ่งหน้าที่ในการกระทำความผิด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มได้อีก 5 ราย ประกอบด้วย นายอัครเดช, นายบุญโจม, น.ส.เกตุสุดา, น.ส.สุนารี และ น.ส.ศิวตา และเข้าค้นบ้านเป้าหมาย 3 จุด
โดยเชื่อว่าสถานที่ทั้ง 3 จุด เป็นสถานที่สั่งการ อาจจะมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหา บัญชีเงินฝาก และจากการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งจัดหาคนที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างเปิดบัญชีม้า, ผลิต เปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารต่าง ๆ โดยใช้บัญชีเริ่มต้นจากบัญชีผู้ที่จัดหามาในตอนแรก และใช้แอปของทางธนาคาร กับโทรศัพท์เครื่องใหม่ โดยมีผู้รับจ้างเปิดบัญชีเป็นผู้สแกนหน้าและยืนยันตัวตน และเปิดตามออร์เดอร์ที่ได้รับมาจากนายทุนจีนว่าต้องการบัญชีแบบไหน จำนวนเท่าใด, นำส่ง เมื่อเปิดบัญชีหรือลงข้อมูลโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดำเนินการจัดส่งโทรศัพท์ที่ทำขึ้นใหม่ พร้อมตัวคนไปให้กับนายทุนจีนที่อยู่ฝั่งปอยเปต, บัญชีแบบสินทรัพย์ดิจิทัล จะจัดทำเพื่อข้ามดินแดนจากประเทศไทยไปแล้ว มีการแบ่งประเภทบัญชี 2 ประเภท 1.บัญชีที่ตายช้า 2. บัญชีที่ตายเร็ว
โดยจากการสืบสวนพบว่า นายอัครเดช มีเสงี่ยม และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา (น.ส.ปิ๊ง) จะเป็นผู้พาคนขายบัญชีม้า เพื่อไปพบคอยสแกนหน้า, เปิดสินทรัพย์ดิจิทัล ฝั่งเพื่อนบ้าน โดยจะรับยอดมาจากบอสฝั่งเพื่อนบ้าน เพื่อให้บอส จัดส่งโทรศัพท์ให้ตามจำนวนของคนขายบัญชีม้า และมีนายหน้าจัดหาคนมาให้ตามที่ต้องการ โดยได้ส่วนแบ่ง นายหน้าได้หัวละ 3,000 บาท คนขายบัญชีม้าได้บัญชีละ 2,500 บาท และถ้าคนขายบัญชีม้าคนไหนมีสมุดบัญชี (บัญชีตายช้า) จะได้บัญชีละ 8,000 บาท และนายหน้าสามารถเปิดบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ บัญชีละ 100,000 บาท โดยนายอัครเดช มีเสงี่ยม และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา จะพาข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และรับกลับมาประเทศไทย เมื่อบัญชีตาย โดยรับเป็นเงินสดตามยอดที่แจ้งไว้
และจากข้อมูลดังกล่าว จะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป เพื่อตัดวงจรนายหน้าในการพาคนไทยไปเปิดบัญชีม้าที่เป็นต้นตอของการหลอกลวงประชาชน ซึ่งการเปิดบัญชีม้า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดยั้งต้นตอการกระทำความผิดไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับทั้งสิ้น 10 ราย จับได้แล้ว 9 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวอีก 1 ราย.