เมื่อวันที่ 10 ต.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีธุรกิจเครือข่ายชื่อดัง ที่กำลังเป็นประเด็นข่าวอยู่ขณะนี้ หลังกลุ่มผู้เสียหายไปรวมตัวกันร้อง ว่าถูกหลอกชักชวนให้มาลงทุน จนหลายคนหมดเงินไปหลักแสน หลักล้าน
โดยหนึ่งในผู้ร่วมรายการวันนี้ คือ “คุณลูกตาล” อดีตแม่ข่ายของธุรกิจดังกล่าว ที่เล่าว่าเคยมีลูกข่ายหลักร้อยคน แม้เธอจะเป็นเครือข่ายชั้นที่ 10 คืออยู่ใต้ระดับอื่นๆ อีก 9 ขั้น และยังเล่าวิธีการโน้มน้าวต่างๆ นานา ของบริษัทนี้
จุดเริ่มต้นคือช่วงโควิดระบาด คุณลูกตาล อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงาน เล่นโซเชียลแล้วเห็นการยิงแอดโฆษณาออนไลน์ เป็นลักษณะเหมือนคอร์สสอนการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ได้เป็นการเชิญชวนไปทำงานกับเขา แต่ใครที่มีสินค้า มีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว ก็ไปเรียนกับเขาได้
แต่ส่วนตัวเราไม่มีธุรกิจของตัวเอง ก็ไปเรียนกับเขา และสนใจจะทำธุรกิจกับเขา เพราะเขาจะเอาตัวอย่างของคนที่ “ประสบความสำเร็จ” ทำธุรกิจกับเขาแล้วรวยมากๆ มีการไปอบรมอะไรต่างๆ นานา
ยืนยันว่าเขามีการอบรมสอนการขายสินค้าจริง แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักในการสอน สิ่งที่เขามุ่งเน้นคือการหาเครือข่าย หาคนมาเป็นดาวน์ไลน์ ราคาสมัครต่ำสุดคือ 90 กว่าบาท แต่เขาบอกว่าจะประสบความสำเร็จได้ ต้องสมัครด้วยแพ็กเกจสูงสุด ค่าสมัคร 2.5 แสนบาท
โดยประโยคเด็ดคือเขาบอกว่า ถ้าเราเชื่อตัวเองแล้วยังไม่รวย ลองมาเชื่อคนที่ประสบความสำเร็จดูไหม
ขณะที่ลุงเล็ก อายุ 82 ปี เอาเงินก้อนสุดท้ายมาเปิดเมมเบอร์ สมัครทำธุรกิจกับเขา 2.5 แสนบาท ให้ยิงแอดอะไรต่างๆ นานา ก็ให้แม่ข่ายหัวหน้าทีมทำให้ แต่ก็ยังขายไม่ได้ เขาก็บอกให้เราสมัครเพิ่มอีกขาหนึ่ง ก็สมัครอีก 2.5 แสนบาท แล้วยังต้องไปจ่ายเงินซื้อรายชื่อลูกค้าอีก ชื่อละ 5 พันบาท เพื่อจะทำธุรกิจ
ขณะที่ผู้เสียหายอีกคน เล่าว่า เธอมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว พอได้เห็นการโฆษณาทางออนไลน์ เกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าว มีการโฆษณาโน้มน้าว เอาเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จมาจูงใจให้เราตัดสินใจไปสมัคร จุดเริ่มต้นสมัครไปด้วยเงินแค่ 90 กว่าบาท แต่ระหว่างที่ทำธุรกิจนั้น จำเป็นต้องจ่ายเงินยิบย่อยต่างๆ อีกมากมาย จากที่เราเคยเป็นคนที่มีวินัยการเงินดี ไม่เคยติดเครดิตบูโร กลับกลายเป็นคนที่ประสบปัญหาเป็นหนี้ กู้หนี้ยืมสินต่างๆ มาจนล้นตัว ส่วนสินค้ากลับขายไม่ได้ เรียนการตลาดออนไลน์กับเขามา แต่ต้องเอาสินค้าไปขายตามตลาดนัด แต่ก็หาเงินมาใช้หนี้ไม่ทัน
ในตอนที่เกิดเรื่อง เรากำลังทั้งครรภ์มีลูก สุดท้ายมองไม่เห็นหนทาง ก็เลยตัดสินใจไปกระโดดสะพานหวังจบชีวิตตัวเอง แต่มีคนกระโดดลงไปช่วย จึงรอดชีวิตมาได้
ขณะที่คุณหญิง อีกคนที่ไปสมัครเป็นตัวแทน เป็นลูกข่ายของธุรกิจนี้ เล่าว่าเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับที่ทุกคนเล่ามา คือจะมีการดึงเข้ากลุ่มเป็นทีมย่อยๆ มีภารกิจ มียอด ต้องยิงแอด ต้องหาลูกข่ายมาในละรอบ แต่เรารู้สึกว่ามันมีปัญหา ในเมื่อมันขายของไม่ได้ แต่มุ่งจะหาลูกข่ายอย่างเดียว เราไม่จ่ายเงินยิงแอดเหมือนคนอื่นๆ ในทีม จนทำให้เราถูกดีดออกจากทุกกลุ่ม และถูกเรียกว่าเป็น “ถ่านนอกเตา” หรือพวกนอกคอก ไม่ทำอะไรเหมือนคนอื่นเขา
ในรายการยังมีการพูดคุยกับ นายณัชภัทร ขาวแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามสอดส่องการประกอบธุรกิจ ชี้แจงกรณีมีภาพของ บอสพอล CEO บริษัทขายตรงชื่อดัง รับโล่รางวัลของ สคบ. ซึ่งหลายคนมองว่า สิ่งนี้มันเหมือนเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของเขา ทำให้คนมองว่า ถ้าได้โล่รับรองจากหน่วยงานที่มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค ก็น่าจะปลอดภัยแน่นอน
ในเรื่องนี้ ทาง สคบ. ชี้แจงว่า โล่รางวัลดังกล่าว มอบให้กับบริษัทนี้ เนื่องในงานวันคุ้มครองผู้บริโภค ปี 65 ได้รับรายงานว่า ช่วงโควิด ปี 63 บริษัทดังกล่าวได้บริจาคแอลกอฮอล์และหน้ากากในงานสัมมนาของ กมธ. ซึ่ง สคบ. ได้ร่วมเป็นวิทยากร ในปี 64 จึงได้รับการเสนอชื่อและได้รับรางวัลจาก สคบ. ในฐานะผู้ทำสาธารณประโยชน์ แต่เป็นช่วงโควิดเลยได้มารับรางวัลในปี 65
แต่โล่รางวัลนี้ เป็นคนละเรื่องกับการกระทำผิด หากพบว่าบริษัทดังกล่าวมีการกระทำความผิด สคบ. จะเพิกถอนโล่รางวัลดังกล่าวต่อไป
โดยมีการเปิดคลิปเสียง บุคคลปริศนาว่า ต้องเอาเงินไปจ่ายเทพเทวดา ที่ดูแล สคบ.อยู่ เหมือนเป็นการเปิดทางอะไรต่างๆ ซึ่งทาง ผอ.ณัชภัทร ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นเทพเทวดาอะไรที่ว่า เพราะที่ผ่านมา ตนลุยมาหลายเคสแล้ว ไม่มีการเอื้อประโยชน์อะไรให้ใครแน่นอน
สำหรับการพูดคุยในวันนี้ ยังไม่จบ แต่จะมีการยกไปต่อ EP.2 ในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง ซึ่ง ครูกะปิได้ฝากถึงบอสต่างๆ ของบริษัทดังกล่าว หากมั่นใจในความบริสุทธิ์ ขอให้มาพูดคุยกัน
ขอบคุณรายการโหนกระแส