เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ขณะ ร.ต.อ.จำลอง ทองเฟื่อง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบได้รับแจ้งเหตุลูกชายทำร้ายพ่อบาดเจ็บศีรษะแตกเลือดอาบใบหน้า เหตุเกิดที่บ้านในพื้นที่ หมู่ 13 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงประสานหน่วยกู้ชีพ รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสามูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน ไปร่วมตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบบริเวณหน้าบ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ที่พื้นหน้าบ้านพบเพียงเศษแก้วกาแฟเซรามิก แตกละเอียดอยู่ที่พื้น พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย อายุ 63 ปี นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว กลางหน้าผากมีแผลถูกของแข็งตี แตกลึก และยาว เลือดไหลอาบเต็มใบหน้า เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น ก่อนส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

ที่เกิดเหตุยังพบภรรยาผู้บาดเจ็บ อายุ 58 ปี อยู่ในอาการเมาสุราจนเพื่อนบ้านต้องช่วยประคองตัวไม่ให้ล้มอยู่ใกล้ๆ พร้อมให้ข้อมูลกับตำรวจด้วยความสับสน ปนร้องไห้ พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “ไอ้ยอดตีพ่อ ไอ้ยอดตีพ่อ” ตำรวจจึงเข้าไปเจรจาให้สงบสติอารมณ์ และสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า นายยอด คือลูกชายผู้บาดเจ็บ อายุประมาณ 35-40 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีไป ไม่ทราบว่าไปที่ไหน

ประธานชุมชนดอนหัน อยู่บ้านใกล้กัน เล่าว่า เปิดเป็นร้านชำขณะกำลังนั่งขายของอยู่ ผู้บาดเจ็บได้วิ่งกุมศีรษะเลือดไหลอาบใบหน้ามาขอความช่วยเหลือ บอกว่าลูกชายทำร้ายจึงรีบโทรฯ แจ้ง 1669 และตำรวจ สอบถามผู้บาดเจ็บยังไม่ได้ข้อมูลชัดเจน เพราะอยู่ในอาการเมาและสับสน รู้เพียงว่า ครอบครัวนี้นั่งดื่มเหล้าขาวกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพราะเห็นเดินไปซื้อของที่ร้านตนไปตั้งวงนั่งดื่มเหล้ากันสามพ่อแม่ลูก คิดว่าอาจจะพูดจาไม่เข้าหูกัน ลูกชายจึงลงมือก่อเหตุทำร้ายพ่อ เพราะปกติจะเป็นคนเงียบๆ แต่เมื่อกินเหล้าก็จะนิสัยเปลี่ยน ทำร้ายพ่อแม่บ่อยครั้ง ที่ผ่านมาแค่ฟกช้ำ แต่ครั้งนี้ถึงกับเลือดตกยางออก

ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านเช่า ครอบครัวนี้มีอาชีพเก็บของเก่าขาย เมื่อ 2 วันก่อน ผู้เป็นภรรยา ได้เงินโครงการรัฐบาลมา 1 หมื่นบาท ส่วนสามีและลูกชายไม่ได้ ภายหลังเบิกเงินจึงไปซื้อสามล้อเครื่องมือสองจากญาติมาใช้เก็บของเก่าในราคา 8,500 บาท ที่เหลือนำมาซื้อเหล้าและกับแกล้มฉลองกันที่บ้านกัน 3 พ่อแม่ลูกและเพื่อนบ้านอีกคน รวมเป็น 4 คน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมนายยอด ถึงลงมือทำร้ายพ่อ อยู่ระหว่างตำรวจสอบปากคำผู้บาดเจ็บหลังหายจากอาการเมา และเร่งติดตามตัวลูกชายมาสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป