จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ ได้เผยแพร่ภาพอาหาร ของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 เพชรบุรี เช่น ภาพอาหารเช้าที่เป็นเมนูผัดคะน้า และไส้กรอกแดงทอด โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ไส้กรอกบางส่วนยังไม่ได้แกะพลาสติกหุ้มออก หรือภาพราดหน้าหมู ที่เนื้อบางส่วนยังสีชมพูเหมือนไม่สุก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยของอาหารที่จัดให้กับนักเรียน นั้น

ไม่ตรงปก! เพจดังแฉ โครงการอาหารกลางวันโรงเรียนดังเมืองเพชรบุรี

คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 67 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมาย นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (ผอ.สศศ.) ซึ่งดูแลโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และศึกษาสงเคราะห์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยทันที ซึ่งพบว่า มีสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเพชรบุรี ลงไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่ของ ผอ.สศศ. เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 เพชรบุรี ได้ชี้แจงถึงกระบวนการจัดเตรียมอาหารของโรงเรียน และข้อมูลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยสรุปคือ ตามปกติโรงเรียนมีระบบกำหนดเมนูอาหาร โดยนักเรียนแต่ละหอนอน จะมีส่วนร่วมในการสำรวจและเสนอเมนูอาหารตามความต้องการของตนเอง หอนอนละ 20 เมนู จากนั้นจะมีการประชุมร่วมระหว่างตัวแทนนักเรียน แม่ครัว และครูที่ปรึกษา เพื่อคัดเลือกเมนูอาหารในแต่ละวัน

ทั้งนี้ สศศ. ได้รายงานการสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า การประกอบอาหารในวันดังกล่าว เกิดความผิดพลาดในการเตรียมไส้กรอกแดง เนื่องจากไส้กรอกแดงที่โรงเรียนสั่งซื้อ มีทั้งแบบพลาสติกหุ้มและไม่มีพลาสติกหุ้ม ทำให้บางหอนอนได้รับไส้กรอกที่ยังไม่ได้แกะพลาสติกหุ้มออก ประกอบกับแม่ครัวที่เตรียมอาหารในเวลาเช้ามืด อาจมองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนกรณีราดหน้าที่มีหมูยังเป็นสีชมพูบางส่วน อาจเกิดจากความผิดพลาดในการเตรียมวัตถุดิบ ที่ขาดความรอบคอบ ซึ่งทาง สศศ. ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และได้กำชับให้โรงเรียนฯ เพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบวัตถุดิบและการประกอบอาหารมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดเป็นการชี้แจงเบื้องต้นของทางโรงเรียน โดย สพฐ. ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาสาเหตุและต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น หากพบว่าความเสียหายเกิดจากความประมาทหรือความไม่ใส่ใจในการปฏิบัติงาน ก็จะดำเนินการทางวินัย ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

“สพฐ. ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีความสำคัญมาก โดยจะไม่ปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด เราพร้อมน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และเพื่อกำกับ ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพของอาหารและการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีกในอนาคต ได้สั่งการให้ สศศ. กำชับโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง ให้มีความระมัดระวังในทุกขั้นตอนของการจัดเตรียมและตรวจสอบคุณภาพอาหาร โดยให้คำนึงถึงหลักโภชนาการ ความปลอดภัย และสุขภาพของนักเรียนเป็นสำคัญ โอกาสนี้ สพฐ. ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมเป็นหูเป็นตา ติดตามความเคลื่อนไหวการดำเนินงานของสถานศึกษาในทุกมิติ และต้องขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากความหละหลวม ไม่รอบคอบ และไม่ระมัดระวังของผู้จัดเตรียมอาหาร รวมถึงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพที่ยังไม่รัดกุม ทั้งนี้ สพฐ. ขอยืนยันว่า ยังคงมุ่งมั่นในการดูแลนักเรียนอย่างดีที่สุดอย่างรอบด้าน ทั้งวิชาการ สติปัญญา อารมณ์ สังคม สุขภาพกายและใจ เพราะว่า “นักเรียนทุกคน” เป็นเสมือนลูกหลานที่จะต้องได้รับการดูแลด้วยความรักและความเอาใจใส่ ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว