เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 67 ที่ จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันที่สามของการโอนเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีกลุ่มเปราะบางกลุ่มแรกสำหรับผู้ถือบัตรคนจนและผู้พิการ ซึ่งวันนี้เป็นคิวของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลข 4, 5, 6, 7 ส่งผลให้บรรยากาศที่ธนาคารยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของทุกคนที่ได้ถือเงินหมื่นกลับบ้านกันไปทุกราย ซึ่งประชาชนที่ได้รับเงินหมื่นส่วนใหญ่ต่างมีวัตถุประสงค์ของการใช้เงินก้อนนี้คือ นำไปใช้ซื้อข้าวสาร ของกินของใช้ในครอบครัว รวมไปถึงซื้อปุ๋ย ยา ใช้หนี้สิน รวมไปถึงการแก้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากการที่ขอให้ได้เงินก้อนนี้

เงินหมื่น เงินดิจิทัล 10,000 บาท คนไทยนำไปใช้จ่าย ซื้ออะไรมากที่สุด

อย่างเช่น นางโสภา ขยันกสิกิจ อายุ 54 ปี ชาว ต.หนองแก อ.เมืองอุทัยธานี ที่รับเงินเป็นที่เรียบร้อยด้วยเช่นกัน และก็เป็นหนึ่งในคนที่บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้เงิน 10,000 บาท ด้วยเช่นกัน โดยวันนี้ได้ทำการนำของแก้บน มาตั้งกลางแจ้งเพื่อทำการแก้บนตามที่ได้บอกกล่าวไว้ พร้อมทั้งยังพาดูข้าวของที่ซื้อตุนเอาไว้หลังจากที่ได้เงินก้อนนี้มาอีกด้วย

นางโสภา เปิดเผยว่า สาเหตุที่บนบานศาลกล่าวกับหลวงพ่อเคลือบให้ได้เงินหมื่นในครั้งนี้ เพราะกลัวว่าโครงการจะถูกเลื่อน และกลัวตกหล่น พอหลังจากที่วันนี้ได้รับเงิน 10,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้กดเงินออกมาส่วนหนึ่งนำไปซื้อข้าวสารไว้ 20 กระสอบ ซึ่งสามารถกินได้ 1 ปี น้ำมันพืช อีก 2 ลัง น้ำปลา อีก 2 ลัง และเครื่องปรุงรสต่างๆ พร้อมด้วยของแก้บนคือ ไก่ต้ม 2 ตัว เหล้าขาว 1 ขวด มาแก้บนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำตามสัญญาและให้การช่วยเหลือประชาชน

“ซึ่งเงินที่ได้มาครั้งนี้นอกจากได้ซื้อของกินของใช้แล้วนั้น ยังได้ช่วยเป็นค่าใช้จ่ายให้กับลูกสาว ซึ่งตอนนี้เป็นผู้พิการตาบอดจากเนื้องอกในสมอง ซึ่งตอนนี้ได้เดินทางไปทำการฉายแสงรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี เป็นระยะเวลา 1 เดือน อีกด้วย โดยตอนนี้เงิน 20,000 บาทที่ได้มาก็เหลือเก็บไว้ 4,000 บาท ไว้เป็นทุนสำรองในครอบครัวต่อไป” นางโสภา กล่าว