สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองพิตต์สเบิร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ว่านางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีและตัวแทนพรรคเดโมแครต กล่าวถึงนโยบายทางเศรษฐกิจของเธอ ที่จะเกิดขึ้นหากชนะการเลือกตั้ง ในวันที่ 5 พ.ย. นี้ ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งชนชั้นกลาง และเป็นมิตรกับภาคธุรกิจ ซึ่งเธอเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีและมาตรการสนับสนุนเพื่อจูงใจอีกมากมาย รวมมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.27 ล้านล้านบาท ) เพื่อส่งเสริมภาคการผลิต และเทคโนโลยีเกิดใหม่ในประเทศ
ขณะเดียวกัน แฮร์ริสยังคงยืนยัน การผลักดันการเพิ่มภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยให้เหตุผลว่า ทุกภาคส่วนควรจ่ายภาษีในระดับที่เท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ แนวนโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจของแฮร์ริสตรงข้ามอย่างมาก เมื่อเทียบกับแผนการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐและแคนดิเดตพรรครีพับลิกัน ซึ่งเสนอลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จาก 21% ลงมาอยู่ที่ 15% เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการตั้งฐานการผลิตสินค้าให้อยู่ในสหรัฐต่อไป มากกว่าการย้ายฐานออกไปลงทุนในต่างประเทศ และยืนยันฐานอัตราภาษีศุลกากรแบบกว้าง ที่ระดับ 20%
นอกจากนี้ ทรัมป์เสนออัตราดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิต สูงสุดที่ 10% และลดภาษีที่ดินของสหรัฐ เพื่อเพิ่มความดึงดูดให้ผู้ประกอบการลงทุนในประเทศ
แม้แฮร์ริสและทรัมป์มีความเห็นค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เกี่ยวกับ “ความท้าทาย” จากจีนในด้านเศรษฐกิจ โดยทั้งสองคนมองว่า ต้องมีการปกป้องการสร้างตำแหน่งงาน และศักยภาพทางการแข่งขันของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองว่า นโยบายของทั้งคู่มีแต่จะยิ่งเพิ่มอัตราเงินเฟ้อของประเทศ.
เครดิตภาพ : AFP