ยังคงฝุ่นตลบสำหรับการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาล “แพทองธาร 1” ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ยังคงคอนเซปต์เดิม คือพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และยังจับมือกับพันธมิตรทางการเมือง “พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิม” จำนวน 314 เสียง ภายใต้การตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับจริยธรรมของนักการเมือง ป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้เกิดเหตุร้ายเกิดขึ้นกับ “แพทองธาร”
ซึ่งล่าสุด นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองส่งรายชื่อรัฐมนตรีมาครบหมดแล้ว ก็จะได้ตรวจสอบคุณสมบัติ ตามขั้นของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อการันตีคุณสมบัติรัฐมนตรีใหม่ทุกคน
ส่วนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการตั้งรัฐบาล “แพทองธาร 1” ขึ้นตรงกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ ที่เข้ามามีบทบาท ตั้งแต่การฟอร์ม ครม. การวางรัฐมนตรี รวมถึงการบริการราชการแผ่นดิน เป็นคนออกมาส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ที่สุ่มเสี่ยงผิดข้อกฎหมาย
โดยมีกระแสข่าวว่า จะมีการเปลี่ยนจากการปูพรมแจกเงินหมื่น จำนวน 50 ล้านคน เหลือแค่ แจกเงินสด วงเงิน 1.22 แสนล้าน จ่ายผ่านบัตรประชารัฐ โดยไม่กังวลว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นบัตรที่มาจากนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งวิธีการดังกล่าว ถือเป็นการเปลี่ยนจากการใช้เงินผ่านระบบดิจิทัล เป็นการเติมเงินสดลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง ที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐก่อน ส่วนประชาชนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางนั้นยังไม่ได้พิจารณา เป็นต้น
อีกทั้ง “ทักษิณ” ยังกล้า เดินเกมเสี่ยง แบบออกหน้าออกตา ไม่ว่าจะเป็นการเรียก หัวหน้าพรรคการเมือง เข้าพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า การแสดงความคิดเห็นชี้นำเรื่องการจัดโผ ครม. อาทิ ช่วงจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มในพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังแตกเป็น 2 กลุ่ม ระหว่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค โดย “ทักษิณ” พูดชัดว่า “ขอเลือกคนที่ทำงานให้รัฐบาล และยังข้องใจที่ บิ๊กป้อม ไม่มาโหวตให้ “แพทองธาร” เป็นนายกรัฐมนตรี” ส่งสัญญาณชัดเลือก ถือหางอยู่ฝั่ง “ผู้กองธรรมนัส” ตามทิศทางโผ ครม. กลุ่มของ “ผู้กองธรรมนัส” ยึดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีเดิม ตัดโควตาในส่วนของ “บ้านป่า” หายเกลี้ยง ปิดตำนาน “วงษ์สุวรรณ” ที่จะร่วม ครม. “แพทองธาร 1”
นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังได้ส่งซิก กวักมือ ไม่ปิดทาง คู่รัก คู่แค้น อย่าง “พรรคประชาธิปัตย์” มาร่วมรัฐบาล ทำให้ “ผู้กองธรรมนัส” ปิดเกมเร็ว ดึงพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมรัฐบาล ใช้โควตา “บ้านป่ารอยต่อ” เติมเสียงให้รัฐบาล เพิ่มขึ้นให้มีมากกว่า 314 เสียง โดดเดี่ยวพรรคประชาชน ให้เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก แค่พรรคเดียว
ดังนั้น ทันทีที่ ครม. “แพทองธาร 1” เดินหน้าทำงาน “นายกฯ อิ๊งค์” ต้องเหยียบคันเร่งทำงานเต็มที่ ไม่มีเวลาฮันนีมูน เพื่อกอบกู้ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา รวมถึงสานงานต่อจาก “รัฐบาลเศรษฐา” ที่สะดุดลงกลางครัน ให้เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรม
ถ้าทำได้จริง ก็เชื่อว่า เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย ได้ลุ้นมาเป็นพรรคอันดับ 1 แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็อาจจบเห่ พังทั้งตัว “นายกฯ อิ๊งค์” และ “พรรคเพื่อไทย”