คนส่วนใหญ่มีความรู้แค่ว่า การดื่มเหล้าเป็นสิ่งทำลาย “ตับ” แต่ไม่เคยรู้เลยว่า อาหารหลายชนิดสามารถทำลายตับได้รวดเร็วยิ่งกว่าแอลกอฮอล์เสียอีก
ตับเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากๆ มีหน้าที่ล้างพิษและเผาผลาญสารอาหาร อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่มีความรู้แค่ว่า การดื่มเหล้าเป็นสิ่งทำลาย “ตับ” แต่ไม่เคยรู้เลยว่า อาหารหลายชนิดสามารถทำลายตับได้รวดเร็วยิ่งกว่าแอลกอฮอล์เสียอีก จากการรายงานของสื่อเวียดนาม soha
5 อาหารที่เป็นอันตรายต่อตับ มีดังต่อไปนี้
เนื้อแดง
เนื้อแดงมีไขมันอิ่มตัวสูง เมื่อบริโภคมากเกินไป อาจทำให้มีไขมันสะสมที่ตับ ภาวะนี้เรียกว่าโรคตับไขมันที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD) ซึ่งสามารถลุกลามไปสู่ภาวะไขมันพอกตับอักเสบที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NASH) โรคตับแข็ง และตับวายในที่สุด
นอกจากนี้ หากปรุงเนื้อแดงด้วยการย่างหรือทอดจนไหม้เกรียม จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อตับ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ
เนื้อสัตว์แปรรูป
ไส้กรอก เบคอน แฮม และเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ มักมีโซเดียมปริมาณสูง ซึ่งทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และทำลายตับ โซเดียมส่วนเกินเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD)
ในเนื้อสัตว์แปรรูปมีการเติมสารกันบูด เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งสารเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่เป็นอันตรายในร่างกาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อตับ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
หน่อไม้สด
หน่อไม้สดมีสารซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ที่มีพิษต่อร่างกาย ปริมาณไซยาไนด์จะลดลงได้โดยการนำหน่อไม้ไปผ่านความร้อน เช่น เผา ต้ม เมื่อไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณน้อย ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ หากรับประทานหน่อไม้ที่มีการจัดเตรียมไม่ถูกต้อง จะมีไซยาไนด์ปริมาณมาก ซึ่งเป็นสารพิษที่ทำให้ตับถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการตัวเหลือง เหนื่อยล้า เบื่ออาหาร และปวดท้อง รวมทั้งใครที่บริโภคหน่อไม้สดเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับ เช่น โรคตับอักเสบ โรคตับแข็ง และมะเร็งตับ
อาหารที่มีน้ำตาลสูง
เมื่อกินน้ำตาลมากเกินไป ตับจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมัน ไขมันส่วนเกินนี้จะสะสมอยู่ในตับ ภาวะนี้อาจลุกลามไปสู่ภาวะไขมันพอกตับอักเสบที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NASH) โรคตับแข็ง และตับวายในที่สุด
เครื่องในสัตว์
การรับประทานเครื่องในสัตว์มากเกินไป เป็นผลเสียต่อสุขภาพ เพราะมีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งไปลดหรือยับยั้งการหลั่งของน้ำดี ทำให้ตับชำระไขมันให้บริสุทธิ์ได้ยาก และเพิ่มภาระการเผาผลาญ และหากมีประวัติเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ไขมันพอกตับ หรือโรคเกาต์ ไม่ควรกินเครื่องในสัตว์มากเกินไป
อ้างอิงจาก Times of India และ Eating Well
ที่มาและภาพ : soha