นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า เมื่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม รวมถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทาง สทท.อยากเห็นนายกฯ คนใหม่เป็นแอมบาสเดอร์ โปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นกลยุทธ์แบบควิกวิน กระตุ้นการเติบโตของภาคท่องเที่ยวซึ่งมีศักยภาพเป็นแม่งานในการสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันต้องการให้ภาคท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติด้วยจะดีมากๆ และขอให้นายกฯ เป็นประธานในที่ประชุมร่วมกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำกับภาคท่องเที่ยวและทำงานแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ สทท. สามารถทำงานร่วมกับทุกคนที่มาเป็นรัฐบาลใหม่ หากเป็นไปได้อยากได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย โดยอยากเห็นการเชื่อมกันแบบไร้รอยต่อ เพราะตอนนี้การฟื้นตัวของดีมานด์นักท่องเที่ยวไม่น่ามีปัญหา ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยน่าจะถึงเป้าหมายไม่น้อยกว่า 25 ล้านคนในปีนี้ แต่ที่ยังน่ากังวลคือฝั่งซัพพลายรองรับนักท่องเที่ยวที่ยังมีปัญหาคอขวด และต้องเร่งยกระดับประสบการณ์ สร้างความประทับใจเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ
ล่าสุด นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ติดต่อ สทท. ว่า พรรคก้าวไกลจะขอเข้าหารือร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยวในเร็วๆ นี้ โดยรอสรุปอย่างทางการว่าเป็นวันใด
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จลุล่วง และนายพิธา ขึ้นเป็นนายกฯ มองว่าน่าจะเป็นแอมบาสเดอร์ที่ดีของภาคท่องเที่ยวไทยได้ เพราะมีบุคลิกเข้าถึงคนรุ่นใหม่ และในฐานะเป็นผู้นำทางความคิด (KOL) ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ทาง ททท.ต้องการดึงนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ (Young Traveler) เพิ่มมากขึ้น
โดยจากไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วงปลายปีพอดี ถ้ารัฐบาลใหม่มีมาตรการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการเพิ่มเติม คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเสี่ยงเรื่องชะลอการใช้จ่าย ทั้งในมิติการท่องเที่ยวและอุปสงค์ใช้จ่ายในประเทศ ทั้งยังมีส่วนช่วยผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึงเป้าหมายไม่น้อยกว่า 25 ล้านคนตลอดปี 66
นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 5 เดือนแรกของปี 66 (ม.ค.-พ.ค.) ทาง ททท.ประเมินว่าจะมีจำนวนทะลุ 10 ล้านคน และเมื่อดูกระแสการเดินทางเฉพาะเดือน พ.ค. ซึ่งเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นหลังผ่านช่วงพีคเทศกาลสงกรานต์ โดยปัจจุบันเดินทางเข้าไทยประมาณ 50,000 คนต่อวัน จากก่อนหน้านี้เข้ามาเฉลี่ย 70,000-80,000 คนต่อวัน ถ้าเดือน พ.ค. ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 2 ล้านคน เดือนที่เหลือก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
ส่วนเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวไทยจากทั้งตลาดในและต่างประเทศปี 66 ททท.ยังคงเป้าการฟื้นตัวที่ระดับ 80% ของรายได้รวม 3 ล้านล้านบาทในปี 62 ก่อนโควิด-19 ระบาด และสร้างแรงส่งไปยังปี 67 ที่วางเป้าหมายรายได้รวมฟื้นตัว 100%
“จากนโยบายของรัฐบาลก้าวไกลที่มุ่งเน้นการกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น สร้างการเติบโตแบบ Inclusive Growth ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม ททท.จึงต้องปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยปี 67 ให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าวด้วย”