เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ”เอ้ สุชัชวีร์” ถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร โดยระบุว่า โรงพยาบาลของ “เรา” คนไทยทุกคน ความฝันกำลังเป็นจริง เราทำได้อย่างไรกัน “สร้างโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช้ภาษีประชาชน” ไม่มีใครเชื่อว่า จะเป็นไปได้ แต่เพราะคนไทย ใจบุญ คิดถึงเพื่อนคนไทยด้วยกัน ร่วมสร้างความมหัศจรรย์ เราทำได้ ขอบคุณทุกท่านครับ
ผมมาส่ง-รับอิชิบอยที่โรงเรียน ทุกวันต้องผ่าน งานก่อสร้าง#โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ที่มีความคืบหน้ารวดเร็วมาก ทั้งคุณภาพงานก็เรียบร้อยมาก จนใครนั่งรถผ่านมอเตอร์เวย์ ต้องเหลียวดู ผมเองก็มองจนคล้อยหลังทุกครั้ง
ผมชี้ให้อิชิบอย เล่าเรื่องโรงพยาบาลให้ลูกชายวัยสี่ขวบครึ่งได้ฟัง เพื่อเป็นตัวอย่างจริง “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็จะอยู่ที่นั่น” หลายสิ่งอย่างที่ผมได้ริเริ่ม ทำจนสำเร็จในชีวิต ที่ผ่านมา ทั้งงานวิศวกรรมโครงการต่างๆ จนถึงงานการศึกษา เช่น สร้างมหาวิทยาลัย วิทยาลัย คณะ โรงเรียน และงานอื่นๆ แม้จะภูมิใจมาก แต่หากถามผมว่า ภูมิใจกับอะไรมากที่สุด

ขอตอบอย่างไม่ลังเล คือ “การสร้างโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร” เพราะคือ การดูแลชีวิตคนไทย และเบื้องหลังกว่าจะถึงวันนี้ มันยากเย็น หนักหนา แสนสาหัส ย้อนหลังกลับไปตั้งแต่เริ่มเป็นอธิการบดีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ในปี พ.ศ. 2558 ก่อนวิกฤติโควิดหลายปี ผมกล้าฟันธงว่า อนาคตของโลกจะอยู่ที่ “เทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณสุข” เราต้องยกระดับการพัฒนานวัตกรรมการรักษา เพื่อต่อสู้กับโรคที่มีความซับซ้อนขึ้น
เราต้องเริ่มต้นจากการ “สร้างหมอแห่งอนาคต” จึงก่อตั้ง “คณะแพทยศาสตร์พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง” เพื่อเป็นฐานรากของการผลิตแพทย์แนวใหม่ของไทย ที่ต้องเรียนรู้ ทั้งด้านการรักษาคนไข้ บวกด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี เรื่องการสร้างคณะแพทย์ เรื่องนี้ก็น่าเล่า ติดไว้ก่อนเพราะปีนี้นักศึกษาก็จะขึ้นปี 6 แล้ว ปีหน้าก็มีหมอลาดกระบังจบรุ่นแรก ออกไปช่วยสังคม
เมื่อมีคณะแพทย์ ก็พร้อมสร้างโรงพยาบาล แต่จะต้องเป็น “โรงพยาบาลแห่งอนาคต” ขนาดย่อม ลงทุนไม่สูงมาก แต่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้บริการคนจำนวนมหาศาลได้ อย่างแม่นยำ ถึงจะคุ้มค่า ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเป็นโรงพยาบาลวิจัย พัฒนาเพื่อสร้างเครื่องมือแพทย์ได้เอง ให้คนไทยได้ใช้อย่างทั่วถึง ลดการนำเข้า จนเกิดเป็นคำนิยาม รพ.นี้ ว่าเป็น “โรงพยาบาลผู้นำด้านการรักษา และสร้างนวัตกรรมครบวงจร แห่งแรกของไทย” #ไทยทำไทยใช้ไทยรอด
ช่วงต้นวิกฤติโควิด ในปี พ.ศ. 2563 ที่ถือว่าหนักที่สุด เราได้สร้าง “เครื่องช่วยหายใจ” จากการร่วมบริจาคของคนไทย จนแจกจ่ายไปร่วม 500 รพ. ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ลบคำปรามาส และดราม่า ที่ว่าทำไม่ได้ จนประสบความสำเร็จมาก พิสูจน์ #เราทำได้ #คนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก เราจึงพร้อม ต้องสร้างโรงพยาบาลให้ได้ เพื่อรองรับการแพทย์แห่งอนาคต

แต่เรา “ไม่มีเงิน” ! แล้วทำดี เพราะสร้างโรงพยาบาล ต้องใช้เงิน ผมเริ่มต้น ด้วยเงินเพียง 200,000 บาท บริจาคโดย “มูลนิธิโรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้าฯ” เพื่อก่อตั้ง#มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร และจากนั้น หาเงินบริจาคทุกวิถี ทุกทางจริง ๆ ทั้งทอดผ้าป่า ให้เช่าพระ ประมูลรูปภาพ ทำนาฬิกา Seiko Limited จัดงานอีเวนต์มากมาย ทุกอย่าง เพื่อขอรับบริจาคจากประชาชน เริ่มตั้งแต่เพียง 99 บาท และผมเขียนหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ก #คิดต่างสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่ทุกท่านช่วยกันอุดหนุนอย่างล้นหลามจนได้บริจาคสร้างโรงพยาบาลหลายล้านบาท ทำทุกอย่าง ทั้งของส่วนตัว ส่วนของครอบครัว ส่วนเพื่อน ของคนรู้จัก เจอใครก็ขอ ขอให้ช่วยกันสร้างโรงพยาบาล สุดจริงๆ แต่เราต้องการงบ 1,000 ล้าน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่อาจใช้งบมากถึงหลายหมื่นล้าน และเรารอก็ไม่ได้ เพราะคนบริจาค ได้เงินเขามาแล้ว เขาก็อยากเห็นความก้าวหน้า ผมจึงตัดสินใจ เริ่มสร้าง แม้มีเงินไม่ครบ จะสร้างไปเรื่อยๆ ทีละชั้น และเปิดให้บริการเท่าที่สร้างเสร็จไปก่อน แม้จะไม่สะดวก แต่ดีกว่ารอเงินครบ ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่
จะทำไงต่อดี เหนื่อยมาก ลำบากมาก แต่เราไม่ท้อ ไม่ยอมแพ้ สู้ เดชะบุญ#บริษัทบางประอินเสาเข็มคอนกรีต ขอบริจาคเสาเข็ม ตอกฟรี และ#ธนาคารกรุงไทย ขอร่วมบริจาคเงินให้อีก กลายเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้โครงการเดินต่อไปได้ แม้ยังต้องการงบอีกมาก ผมเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีนั้นมีจริง เมื่อมุ่งมั่นทำดี ต้องมีคนช่วย สุดท้ายมูลนิธิฯ เราขอออกสลากการกุศลได้สำเร็จ จนทำให้เราได้งบส่วนที่ขาดเหลือ มาก่อสร้างโรงพยาบาลได้ แม้เป็นเพียงแค่ “อาคารโรงพยาบาล” และต้องใช้งบอีกมหาศาลในการซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ประกอบอาคาร และค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย แต่ผมมั่นใจ เมื่อสร้าง รพ.ได้แล้ว คนไทยจะไม่ทิ้งกันแน่นอน
“ขอบพระคุณทุกท่าน” ที่เราร่วมกันสร้างสิ่งมหัศจรรย์ด้วยกัน และเป็นข้อพิสูจน์ว่า ความพยายาม คือ ต้องพยายามต่อไป ต่อไป ต่อไป อดทน ไม่ต้องสนว่า ต้องพยายามแค่ไหน มุ่งหน้าต่อไปเป็นพอ เล่าซะยาวเชียว นี่ก็ย่อแล้วครับ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ อย่างน้อยผมก็มีเรื่องเล่าให้ลูกได้ฟัง ตอนเดินพาไปส่งโรงเรียน ให้เขาได้เรียนรู้เรื่อง “ความตั้งใจ ความอดทน ความพยายาม” เราทำได้ ขอบคุณทุกท่านจริงๆ ครับ Never, Never, Never Give Up. อย่ายอมแพ้.
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก เอ้ สุชัชวีร์