การเมืองปีนี้ต้องถือว่าเป็นช่วงสำคัญ เพราะเดินเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง และช่วงปลายปีที่ผ่านมา บรรดาพรรคการเมืองต่างก็แย่งชิงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตกันไปบ้างแล้ว พร้อมประกาศปักธงตั้งเป้าหวังโกย ส.ส. จากการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งใหม่ ที่กลับมาใช้บัตร 2 ใบหาร100 จึงต้องจับตาพรรคการเมืองแต่ละพรรค ใครจะไปถึงฝั่งฝันตามที่หวังบ้าง!

ไม่ใหญ่แน่นะ…วิ!!

การเลือกตั้งปี 62 พรรคพลังประชารัฐเป็นเต็งหนึ่งสำหรับการตั้งรัฐบาลและชู “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ภายใต้การสยายปีกอำนาจของ “3 ป.” ที่มีอำนาจและบารมีอยู่เต็มร้อยในขณะนั้น ผ่านไป 4 ปี “อำนาจ” ไม่เข้าใคร-ออกใคร จนทำให้เกิดรอยร้าวของ “2 ป.” ระหว่าง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กับ “น้องเล็ก” ที่ระหองระแหงและชัดเจนยิ่งขึ้นจากเคส “กบฏธรรมนัส” เดือน ก.ย. 64 ที่เด้ง “ฟ้าผ่า 2 รมต.ในดวงใจ” ของ “บิ๊กป้อม” และเกิดการปะทะกำลังของคนรอบตัวมาเป็นระยะ ๆ จนสุดท้าย “พี่น้อง” ต้องแยกไปสร้าง ดาวคนละดวง โดย “น้องเล็ก” ไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ “พี่ใหญ่” ก็ปักหลักสู้ที่พรรคเดิม ซึ่งความไม่ชัดเจน คลุมเครือ บวกกับเรตติ้งที่ไม่พุ่งเหมือนในอดีต ส่งผลให้ ส.ส. ตัดสินใจหนีตาย ย้ายพรรค “บิ๊กป้อม” จึงต้องรีบดูด ส.ส. กลับ เร่งจัดทัพใหม่ แว่ว ๆ ว่า…ดีกรีระดับ “บิ๊กป้อม” เข้าได้กับ “ทุกขั้ว” งานนี้ต้องรอดู “พี่ใหญ่” จะมี…แรงบันดาลใจ …มากแค่ไหน!!

“อนุทิน” ลุ้นนายกฯ คนที่ 30

การเลือกตั้งรอบนี้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นพรรคการเมืองที่ถูกจับตามองมากที่สุด นับตั้งแต่การเปิดตัวทางการเมืองอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ในงานวันเกิด 4 ต.ค. 65 ที่ประกาศได้ ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 120 คน และพร้อมดันศิษย์เอก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ผงาดขึ้นตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ซึ่งตรงนี้ไม่น่าไกลเกินจริง เพราะวันนี้ถนนทุกสายของบรรดา ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เกรดเอ ต่างวิ่งเข้ามาที่พรรคภูมิใจไทย ถือฤกษ์วันที่ 16 ธ.ค. 65 เปิดหน้าโชว์ตัวลอตแรก “34 งูเห่า” แบบไม่เหนียม หลัง “กินกล้วย” มาแรมปี เจอพลัง “ไดโว่ยี่ห้อเซราะกราว” ดูดเรื่อย ๆ แลนด์สไลด์มีหนาว “2 ป.” มีเคือง ขณะที่นโยบายหาเสียงก็ต่อยอดจากของเดิม พูดแล้วทำ มาเป็น เราทำแล้ว ถึงแม้ว่า “เสี่ยหนู” ย้ำเสมอว่า “หนูก็เป็นหนูวันยังค่ำ เป็นหนูที่พร้อมช่วยถ้าราชสีห์ทำงานให้บ้านเมือง” ถึงวันกาบัตร มาลุ้นว่า “หนู” จะผงาด เป็น “บิ๊กหนู” คัมแบ๊กไทยคู่ฟ้าหรือไม่??

นั่งร้านใหม่ “บิ๊กตู่”

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นพรรคที่ต้องจับตามากที่สุด เพราะเป็นพรรคน้องใหม่ที่มาแรงในการเลือกตั้งก็ว่าได้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ประกาศชัดเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รทสช. จึงต้องมาดูกันว่า จะเป็นพรรคที่ส่ง “บิ๊กตู่” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้งตามความต้องการหรือไม่ ถึงแม้จะเหลือเวลาในการเป็นนายกฯ ได้อีก 2 ปีก็ตาม “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศเดินเครื่องเต็มสูบ ตามแผน “บิ๊กตู่” ที่วางยุทธศาสตร์เลือกตั้งไว้แล้ว ทั้งจัดทัพเตรียมพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในแต่ละภาคมาเป็นระยะ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และกรุงเทพฯ เพื่อส่ง ส.ส. ให้ครบทั้ง 400 เขต แต่คงต้องมาตามลุ้นวันหย่อนบัตรเลือกตั้งว่า “บิ๊กตู่” จะผงาดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปีหรือไม่

ฝ่ามรสุมสู้ศึกใหญ่ชี้ชะตาพรรค

ปี 2566 น่าจะเป็นปีแห่งความท้าทายแบบทวีคูณของ “พรรคประชาธิปัตย์” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการเลือกตั้งทั่วไป ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งบรรดาแกนนำยืนยันว่า ปชป. พร้อมสู้ศึกสนามนี้อยู่เสมอ ท่ามกลางกระแสข่าวความสั่นคลอนของพรรคฯ แม้ ปชป. ยังส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทุกเขต แต่ด้วยข้อจำกัดของกระสุนดินดำที่มีอยู่ แถมยังถูกพรรคเก่าและพรรคใหม่รุมดึงคนและฐานเสียง ทำให้แกนนำพรรค ต้องทุ่มสรรพกำลังไปช่วยผู้สมัครในบางเขต ที่พรรคเล็งเห็นผลว่ามีโอกาสคว้าชัย สำหรับนโยบาย เพื่อเรียกคะแนนเสียง ปชป. ยังสานต่อ “นโยบายประกันรายได้เกษตรกร” ที่ได้ทำมานาน 4 ปี และนำมาต่อยอดนโยบายนี้ไปดูแลกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ขณะเดียวกัน เตรียมเปิดตัวนโยบายใหม่ ๆ หวังให้ตอบโจทย์ประเทศในด้านต่าง ๆ และให้โดนใจประชาชนหันมาเทคะแนนส่ง ปชป. ถึงฝั่งฝัน เพราะผลการแข่งขันครั้งสำคัญนี้จะชี้ชะตาอนาคตของพรรคฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของหัวหน้าพรรคฯ ที่ชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่

“เพื่อไทย” พร้อมรบมาก

การเมืองของพรรคเพื่อไทยในปีนี้จะเป็นก้าวย่างสำคัญ ตั้งเป้าหมายใหญ่ “แลนด์สไลด์” ได้ ส.ส. 250 ที่นั่งขึ้นไป หวนย้อนเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียวสมัย “โทนี่ วู้ดซัม” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ ส.ส. 377 ที่นั่ง เมื่อปี 48 สมัยพรรคไทยรักไทย แต่บันไดสู่ชัยชนะในครั้งนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะโดนพรรคภูมิใจไทย ดูด ส.ส. ในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในพื้นที่อีสานใต้ ส่วน 10 นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เปิดออกมา เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ออกมาว้าวโดนใจคนรุ่นใหม่ แต่กลับถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะเป็นเพียงแค่ขายฝันหวังคะแนนนิยม โดยเฉพาะนโยบายขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ที่ไม่คำนึงถึงเม็ดเงินและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งพรรค พท. ได้ออกมายืนยันว่า ถ้าเป็นรัฐบาล “เราทำได้จริง เพราะทำได้มาแล้วในอดีตสมัยเป็นรัฐบาล”

“ก้าวไกล” ลุยไฟการเมืองปี 66

สำหรับพรรค “ก้าวไกล” ปี 2566 เป็นปีที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป หลัง 4 ปีที่ผ่านมา เดินเครื่องต่อเนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ปฏิรูปกองทัพ และปฏิรูปการเมือง เป็นต้น ท่ามกลางการจับตาของบรรดาแฟนพันธุ์แท้ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นโยบายที่เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนพรรคอย่างเรื่องสถาบันฯ จะยังคงเข้มข้นหรือลดเพดานลง ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อฐานเสียงโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และอาจทำให้พรรคก้าวไกล ไม่มีความแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่อ้างตัวว่าอยู่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน

ขณะเดียวกันยังเป็นการพิสูจน์การนำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าจะพาลูกพรรคกลับเข้าสภาได้กี่เสียง โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปเป็นระบบบัตร 2 ใบ ตลอดจนการปั่นกระแสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย จะส่งผลสะเทือนต่อพรรคก้าวไกลถึงเพียงไหน สุดท้ายผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นเครื่องยืนยันว่า ประชาชนยังให้ความไว้วางใจกับพรรคก้าวไกลหรือไม่

…ทีมการเมืองเดลินิวส์…