“มะขาม” เป็นส่วนประกอบที่อยู่ในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ด้วย ทำให้มีความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังมีโอกาสและสามารถพัฒนาศักยภาพได้มากกว่านี้ หากมีการนำเทคโนโลยีและการตลาดเข้ามาช่วย โดยกรณีศึกษาเรื่องนี้เป็นของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลไม้แปรรูปบ้านเสี้ยว อ.ฟากท่า จ.อุตรดิตถ์ ธุรกิจชุมชนที่ได้รับการหนุนเสริมผ่านงานวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและให้กับธุรกิจชุมชนดังกล่าว โดย กมลรัตน์ ท้าวน้อย ประธานกลุ่ม เล่าว่า อุตรดิตถ์มีแหล่งปลูกมะขามคุณภาพไม่แพ้กับ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกรวมกันกว่า 20,000 ไร่ แต่ปัญหาที่พบ คือเกษตรกรไม่สามารถการันตีราคาได้ และหากไม่ยอมขายเหมาสวนให้พ่อค้าคนกลาง ก็ไม่รู้จะขายให้ใคร จึงรวมกลุ่มกันตั้งวิสาหกิจชุมชนนี้ขึ้น มา เพื่อรับซื้อมะขามจากเพื่อนเกษตรกรด้วยกันมาจำหน่ายและแปรรูปเป็นมะขามคลุกแบบง่าย ๆ พร้อมกับพยายามนำไปเปิดตัวในงาน OTOP ต่าง ๆ เสมอเพื่อสร้างตลาดลูกค้า แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ จนทีมวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้เข้ามาจุดประกายให้รู้จักตลาดใหม่ที่กว้างกว่าเดิม ด้วยการเสนอให้ผลิต “มะขามไร้เมล็ด” ทำให้จากเดิมที่ขายมะขามฝักได้แค่กิโลกรัมละ 80-90 บาท ก็เพิ่มมูลค่าเป็นกิโลกรัมละ 500 บาท ประธานกลุ่มระบุ

ขณะที่ ผศ.ดร.ดุษฎี บุญธรรม หัวหน้าโครงการ ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก บพท. กล่าวว่า หลังจากได้ลงพื้นที่ได้พบข้อมูลว่าผู้ประกอบการและเกษตรกรมีปัญหาที่แตกต่างกัน โดยปัญหาของฝ่ายผู้ประกอบการ คือมีออร์เดอร์เข้ามามาก แต่กำลังผลิตไม่เพียงพอ จึงรับออร์เดอร์เพิ่มไม่ได้ ขณะที่ปัญหาของเกษตรกร คือ ไม่รู้จะขายให้ใคร และไม่รู้จะขายอย่างไร จึงต้องยอมถูกกดราคา ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการที่ไม่รู้จักตลาด ทีมวิจัยจึงแก้ไขด้วยการ “เพิ่มมูลค่าให้ห่วงโซ่คุณค่า” ผ่าน 3 กลยุทธ์ คือ 1.หาตลาดใหม่ที่มีมูลค่าสูง 2.พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ3.เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจชุมชน โดยเริ่มต้นจากทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าของวัตถุดิบกับทรัพยากรที่มีขอตัวเองให้ได้เสียก่อน เพราะที่ผ่านมาชุมชนมุ่งแต่คัดมะขามมากรีดเมล็ดเพื่อขาย แต่สิ่งที่ขาดหายไป คือ การหาช่องทางสร้างมูลค่าเพิ่ม ทีมวิจัยจึงชักชวนให้เกษตรกรเปลี่ยนวิธีคิด เช่น จากเดิมที่ทำมะขามหวานข้อหรือมะขามคลุกขาย ก็เปลี่ยนมาทำมะขามไร้เมล็ด ทำให้ขายได้ราคาเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 400 บาท ส่วนเศษมะขามก็นำมาแปรรูปเป็นท๊อฟฟี่มะขาม มะขามสามรส มะขามคลุกบ๊วย ไส้พายมะขาม เป็นต้น ขณะที่อีกโจทย์ที่ต้องแก้ คือการเชื่อมโยงชุมชนกับอุตสาหกรรม ทีมวิจัยได้แก้ปัญหานี้ ด้วยการชวนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมาต่อยอดร่วมกับชุมชน จนเกิด “ผลิตภัณฑ์เนื้อมะขามเข้มข้น” ขึ้นมา พร้อมกับตั้งสตาร์ทอัพชื่อ “มะขามสามเกลอ” เพื่อเชื่อมต่อชุมชนกับตลาดภายนอก ซึ่งปัจจุบันนี้มีการเชื่อมโยงกับSMEได้หลายแห่งแล้ว และนี่เป็นกรณีศึกษาของ “ธุรกิจแปรรูปมะขาม” ที่เอสเอ็มอีสาขาอื่น ๆ ก็นำไปปรับใช้ได้.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]