กรณีบริษัทฯ แจ้งเลิกกิจการตามมาตรา 72 แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว แต่ยังไม่จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี นั้น
1. กรณีภาษีเงินได้นิติบุคคล
ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกัน ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบการเลิกของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นเสียเงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย เงินนี้ให้ถือเป็นค่าภาษี
รอบระยะเวลาบัญชีที่แจ้งการเลิกกิจการต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถือเป็น “รอบระยะเวลาบัญชีสุดท้าย” หากมีกำหนดเวลาน้อยกว่า 12 เดือนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ตามมาตรา 67 ทวิ วรรคท้าย แห่งประมวลรัษฎากร
ให้บริษัทฯ ดำเนินการตามมาตรา 74 (1) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันหรือควบเข้ากันกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่น การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อคำนวณภาษีให้เป็นไปตามวิธีการในมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ และ มาตรา 66 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ การตีราคาทรัพย์สิน ให้ตีตามราคาตลาดในวันเลิก
2. กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตราบเท่าที่เจ้าพนักงานสรรพากรยังไม่แจ้งการขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ยังคงมีสถานภาพเป็น “ผู้ประกอบการจดทะเบียน” จึงย่อมมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 (แบบเปล่า) อยู่ต่อไป จนถึงเดือนภาษีที่ได้รับแจ้งการขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม.