สสส.-มท.-สวร. ขับเคลื่อนโมเดล “CBTxชุมชนล้อมรักษ์” ถอดบทเรียน 7 อำเภอต้นแบบ สู่การบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดในระดับพื้นที่ ตั้งเป้าขยายผลทุกอำเภอทั่วประเทศ ด้วยพลังชุมชนร่วมฟื้นคืนคนดีสู่สังคม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดถอดบทเรียน “ชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx)” ดูแลผู้มีปัญหายาเสพติด ซึ่งร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มหาดไทย มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ (สวร.) ใน 7 พื้นที่ต้นแบบ ครบทั้ง 4 ภูมิภาคของประเทศ เพื่อหาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ และสามารถขยายผลสู่ระดับอำเภอตำบล และชุมชนทั่วประเทศต่อไป

“รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส.” อธิบายว่าการขับเคลื่อน CBTx ที่ดำเนินงานในหลายอำเภอทั่วประเทศขณะนี้ ได้สะท้อนให้เห็นแนวทางการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดที่สอดคล้องกับชีวิตจริงของประชาชนในแต่ละพื้นที่ และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนได้อย่างแท้จริง โดยการนำอำเภอต้นแบบที่ประสบการณ์การ
ดำเนินงาน CBTx มาแลกเปลี่ยนและถอดบทเรียน เพื่อจัดทำแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อให้การขยายผลดำเนินการไปยังพื้นที่อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเกิดแรงจูงใจให้ชุมชนแสดงความต้องการของตนเองได้ชัดเจน โดยมีหน่วยงานรัฐในระดับพื้นที่ทำหน้าที่สนับสนุนอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ จากการติดตามการดำเนินงานในอำเภอต้นแบบพบว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการ มีอย่างน้อย 3 ประการ ได้แก่ 1. ชุมชนมีความต้องการและความตระหนักที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหา 2. มีกระบวนการออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และ 3. สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเยาวชน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรม และไม่รู้สึกห่างไกลจากระบวนการบำบัด

“CBTx ตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในชุมชน อยู่ร่วมกันได้ ช่วยเหลือกัน และส่งเสริมให้ผู้เสพสามารถคืนสู่สังคมในฐานะคนดีได้อีกครั้ง ซึ่งอนาคต สสส. มีเป้าหมายในการขยายการดำเนินงานจากระดับอำเภอสู่ระดับจังหวัดโดยวางกลไกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีบทบาทในการกำกับดูแล เพื่อให้ทุกอำเภอและทุกตำบลสามารถดำเนินการควบคู่กันไป ลดการโยกย้ายปัญหาจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง”

“เกรียงไกร ทิศรีไชย สาธารณสุขอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง” ระบุถึงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่อำเภอวังเหนือยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้เสพหน้าใหม่ ซึ่งสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย เพราะราคาต่ำมากแค่ 20-50 บาททำให้สัดส่วนของผู้มีปัญหาการใช้สารเสพติดยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยในปีงบประมาณ 2567 มีกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงก่อความรุนแรงจากการใช้สารเสพติด (SMI-V) เข้ารับการรักษาและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทาง 25 ราย ส่วนปีงบประมาณ 2568
แม้จะยังไม่จบปีงบประมาณ ก็พบว่ามีจำนวนสูงถึง 35 ราย เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “เราจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนงานเชิงรุกในชุมชนมากขึ้น”

สำหรับแนวทางการบำบัดในพื้นที่อำเภอวังเหนือ แบ่งกลุ่มเป้าหมายตามระดับความรุนแรงเป็น 4 ระดับ ได้แก่ สีเขียว เหลือง ที่ไม่มีอาการ จะได้รับการดูแลภายในชุมชน ส่วน กลุ่มสีส้ม ที่มีอาการเล็กน้อย จะได้รับการบำบัดในโรงพยาบาลชุมชน และ กลุ่มสีแดง ที่มีอาการรุนแรงหรือมีภาวะทางจิตเวช จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาลลำปาง ธัญญา รักษ์เชียงใหม่ หรือสวนปรุง

“เรายึดหลักที่ว่า ‘มังกรพลัดถิ่นจะสู้งูดินในพื้นที่ไม่ได้’ ซึ่งหมายถึงการดูแลและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากชุมชนเอง โดยเฉพาะครอบครัว ชุมชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วย และเปิดโอกาสในการฟื้นตัว จะส่งผลให้การบำบัดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ชุมชนต้องไม่ตีตราผู้เคยใช้ยา เพื่อให้โอกาสในการกลับคืนสู่สังคมได้อย่างแท้จริง” นายเกรียงไกรกล่าว

ขณะที่ “นายชินวัต ทองปรีชา นายอำาเภอท่าอุเทนจังหวัดนครพนม” เล่าว่า อำาเภอท่าอุเทนอยู่ในพื้นที่ ชายแดนติดต่อกับ สปป.ลาว ระยะทางราว 47 กิโลเมตรครอบคลุม 9 ตำบล 111 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบางต่อปัญหายาเสพติด ทั้งในแง่ของการลักลอบนำเข้ายาเสพติดและจำานวนผู้เสพในพื้นที่

จากการ Re-X-ray พบกลุ่มผู้เสพในกลุ่มสีเขียวมากกว่า 480 ราย และดำเนินการบำบัดฟื้นฟูด้วยแนวทางชุมชนล้อมรักษ์ โดยอาศัยพหุภาคีในพื้นที่ หรือ “ห้าเสือ” ได้แก่ ปกครอง สาธารณสุข ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น และภาคประชาชน ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการป้องกันและปราบปราม ทางอำเภอได้ดำเนินการตามนโยบาย “Seal–Stop–Safe” ของรัฐบาล ได้แก่ Seal : การลาดตระเวนและสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน Stop : การบังคับใช้กฎหมายและการจับกุมเครือข่ายค้ายา Safe : การฟื้นฟูผู้เสพให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี

จากการ Re-X-ray พบกลุ่มผู้เสพในกลุ่มสีเขียวมากกว่า 480 ราย และดำเนินการบำบัดฟื้นฟูด้วยแนวทางชุมชนล้อมรักษ์ โดยอาศัยพหุภาคีในพื้นที่ หรือ “ห้าเสือ”ได้แก่ ปกครอง สาธารณสุข ตำารวจ ผู้นำาท้องถิ่น และภาคประชาชน ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการป้องกันและปราบปราม ทางอำเภอได้ดำเนินการตามนโยบาย “Seal–Stop–Safe” ของรัฐบาล ได้แก่ Seal : การลาดตระเวนและสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน Stop : การบังคับใช้กฎหมายและการจับกุมเครือข่ายค้ายา Safe : การฟื้นฟูผู้เสพให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี