ตามข้อมูลยาเสพติดลอตดังกล่าว มีเป้าหมายใช้น่านน้ำไทย บริเวณปากน้ำประแส ต.ปากน้ำกระแส อ.แกลง จ.ระยอง เป็นจุดเริ่มต้นส่งต่อพื้นที่ภาคใต้ ไปประเทศปลายทาง หากเล็ดรอดจากไทยได้จะมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 3,000 ล้านบาท

“ทีมข่าวอาชญากรรม”ย้อนเบื้องลึกการจับกุม 8 ผู้ต้องหา เครือข่ายค้าไอซ์ข้ามชาติ เริ่มจากดีเอสไอสืบสวนขยายผลหลังปฏิบัติการปูพรมเป้าหมาย 5 จุด พื้นที่กทม.และปริมณฑล ช่วงวันที่ 12 มิ.ย.68 ยึดสารตั้งต้นอย่าง อะซิโตน เมทานอล และโทลูอีน ได้รวม 1.8 ล้านลิตร  สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีการวิเคราะห์จากปริมาณการครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และเส้นทางการลำเลียง พบมีแนวโน้มใช้สำหรับผลิตยาเสพติด

จากนั้นมีการติดตามความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง กระทั่งเบาะแสแจ้งว่าพบ“คนแปลกหน้า”เข้ามาจ้างเรือเ พื่อขนสินค้า จึงส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าติดตามว่าเป็นสินค้าประเภทใด เนื่องจากท่าเรือปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง คือพื้นที่เป้าหมายอยู่แล้ว 

ผ่านไปเกือบ 1 เดือน ประกอบกับการลงพื้นที่สอบปากคำพยานซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ตลอดจนไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิด จึงนำไปสู่การพบข้อมูลขบวนการขนของกลางขึ้นท่าน้ำ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวมีโกดังใช้สำหรับเก็บยาเสพติดด้วย

อีกด้านยังปรากฏว่าพบความขัดแย้งการประมูลเรือ ซึ่งในการขนสินค้าจะมีหลายระดับราคา แต่เกิดหักราคากันเอง สุดท้ายพบลุ่มบุคคลผู้รับจ้างเดิน“เรือยนต์ท่องเที่ยว”ประเภท 90 ตันกรอส มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากปากน้ำประแส จ.ระยอง และชลบุรี เตรียมล่องลงอ่าวไทย ส่งต่อไป .สิชล อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้เรือใหญ่มารับถ่ายโอนเตรียมส่งปลายทางประเทศที่สาม ตามการข่าวคือ ออสเตรเลีย

หลังเบาะแสชี้เป้าชัดเจน แผนทลายเรือยนต์ท่องเที่ยวลำเลียงไอซ์ข้ามชาติจึงเกิดขึ้นในเวลา 23.00 น. ของวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมใช้เรือยางตรวจการณ์ 4 ลำ เฝ้าระวังเรือต้องสงสัยที่อ่าวไทยบริเวณปากน้ำประแส ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล พบเรือยนต์ต้องสงสัย เป็นเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส ข้างเรือปรากฏข้อความอักษรภาษาอังกฤษ“PAIKANCATAMARANS” (ไปกันคาตามารันส์) พร้อมชายไทย 8 ราย

ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ก็มีพิรุธ เร่งความเร็วหนี มีท่าทีแตกตื่น เตรียมโยนกระสอบที่บรรจุยาเสพติดทิ้งทะเล ขณะบางรายรีบใช้โทรศัพท์ติดต่อบุคคลอื่น ก่อนเจ้าหน้าที่จะแสดงตัวเข้าตรวจค้น ด้วยการใช้เรือยางประชิดด้านข้างและขอขึ้นทำการตรวจค้น พบผู้ควบคุมเรือ(ไต๋เรือ) และลูกเรือ รวม 8 ราย พร้อมไอซ์ 2.4 ตัน

ขณะเดียวกันยังเปิดปฏิบัติการ“ทางบก”คู่ขนาน โดยดีเอสไอ ป.ป.ส.ภาค 2 เจ้าหน้าที่กรมข่าวทหารเรือ เข้าตรวจสอบท่าเทียบเรือลูกยอด พบรถบรรทุก6ล้อตู้ทึบ ถูกใช้ขนส่งยาเสพติดลอตดังกล่าว และรถกระบะ 4 ประตูต้องสงสัย เบื้องต้นไต๋เรืออ้างว่าได้รับว่าจ้างให้นำสินค้าไปส่งกลางทะเลลึก โดยไม่รู้ว่าเป็นยาเสพติด ขณะลูกเรือทั้งหมดให้การคล้ายกันว่า รับจ้างทำงานรายวันไม่รู้ว่าสิ่งที่บรรทุกคือ ยาไอซ์

ดีเอสไอพบข้อมูลเชิงลึกว่าของกลางทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายทุนจีนและไต้หวัน ซึ่งประกอบธุรกิจในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี โดยมีการว่าจ้างให้เรือยนต์ท่องเที่ยวลำดังกล่าวขนส่งสินค้าทางทะเล ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ปลายทางจอดแวะถ่ายโอนขึ้นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่กลางอ่าวไทย ก่อนนำส่งปลายทางอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และไต้หวัน

ยาไอซ์ลอตนี้เชื่อว่าผลิตจากลาว เพราะหีบห่อที่ใช้อำพรางเป็นถุงสำหรับบรรจุสินค้าการเกษตร ซึ่งป...เคยจับกุมยาเสพติดที่อำพรางด้วยหีบห่อลักษณะเดียวกันได้ที่จ.หนองคาย บริเวณชายแดนไทยลาว มาก่อน จึงเสนอให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ    เนื่องจากของกลางมีปริมาณที่เข้าองค์ประกอบรับเป็นคดีพิเศษ (มีปริมาณมากกว่า 500 กก.ขึ้นไป) 

ขั้นตอนต่อไปดีเอสไอจะแกะรอยเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับบัญชีต้องสงสัย ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การแบ่งหน้าที่จากเงินค่าจ้าง การติดต่อทางโทรศัพท์ และพิสูจน์ความเป็นเจ้าของพาหนะที่ใช้ลำเลียง ซึ่งคาดว่าเชื่อมโยงเครือข่ายข้ามชาติรายใหญ่ที่มีฐานบัญชาการในประเทศเพื่อนบ้าน

ปฏิบัติการนี้แสดงให้เห็นว่าขบวนการค้ายาข้ามชาติ กำลังหันมาใช้เส้นทางทะเลภาคตะวันออก เป็นจุดพักและส่งยาเสพติดไปต่างประเทศ  ซึ่งตามข้อมูลของดีเอสไอปัจจุบันน่าเชื่อว่าไทยกลายเป็นแหล่งพักสำคัญ เพราะมีศูนย์การค้าทั้งบนดินและใต้ดิน โดยเฉพาะการลักลอบแอบนำเข้าสารตั้งต้น ซึ่งส่วนใหญ่สารเหล่านี้มีพิกัดอยู่ที่ไต้หวันและจีน.     

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน