ใกล้จะเห็นหน้าตาครม. อิ๊งค์ ½ ที่จะมาร่วมลุยไฟ กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีชนักติดหลังปม ยกหูคุย “อังเคิลฮุน เซน” เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทำให้สังคม “ไม่ไว้วางใจ” แถมยังถูกตรวจป.ป.ช.รับลูกตรวจสอบ ไหนจะ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งจะประชุมวันที่ 1 ก.ค.นี้อีก ยังไม่ทันต่อเรือ พายุก็โหมเข้าอย่างแรง “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” จึงต้องไปสนทนากับ “ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า” วิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้
โดยดร.สติธร เปิดประเด็นว่า การฟอร์มทีมครม.อิ๊งค์ ½ คือการเลือกแล้วตั้งแต่ก่อนจะมีคลิปเสียงออกมาว่า ไม่เอา “พรรคภูมิใจไทย” (ภท.) ถ้าไม่ยอมคืนกระทรวงสำคัญให้พรรคเพื่อไทย(พท.) ยอมที่มีเสียงปริ่มน้ำ เพราะมองว่า รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมแน่ เลยเดินแผนระยะสั้น เอากระทรวงสำคัญโดยเฉพาะที่อยู่ในมือพรรคภูมิใจไทยมา ขับเคลื่อนนโยบายจริงจัง ผูกเครือข่ายทางการเมืองให้เกิดการได้เปรียบพร้อมเลือกตั้ง
“เขาเลือกแล้ว ตั้งแต่ก่อนคลิปหลุดด้วยซ้ำ แต่คลิปหลุดแทรกเข้ามาทำให้สิ่งที่หมายมั่นไว้หวั่นไหว แต่พอคลี่คลายได้ในระดับที่โอเค คือการมีรัฐบาลไปก่อนแล้วทำงานร่วมกับกองทัพ เป็นเงื่อนไขจัดการข้อพิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อไทยก็เอา ถ้าแก้ปัญหาได้ บริหารประเทศได้ โชว์ผลงานได้ มีโอกาสเลือกตั้งไม่แพ้ แต่จะทำได้จริงไหม”
ถ้าเขาคิดจะอยู่ครบเทอม คงไม่ปล่อยมือพรรคภูมิใจไทย แต่การไม่มีภูมิใจไทยแล้วดึงเอาความได้เปรียบทางการเมืองมาทั้งหมดแบบนี้ แปลว่าเตรียมเลือกตั้งใน 6-8 เดือนแน่ๆ มีโอกาสยุบสภาเลือกตั้ง ราวๆ มี.ค. – เม.ย.2569 ที่จริงยุทธการณ์แบบนี้จะเกิดปลายสมัย แต่นี่เกิดก่อนเป็นปีๆ แปลว่าการอยู่ครบเทอมไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเกมยาวทำยาก เลยเล่นเกมสั้น เร่งทำผลงานได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ง่ายสุดคือ ผูก ถ่าย ขยายอำนาจไปยังกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะที่อยู่ในมือพรรคภูมิใจไทยมาอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย นโยบายก็เอาเฉพาะหน้าที่พอหวังกระตุ้นเศรษฐกิจมุ่งไปที่ฐานเสียงของเพื่อไทยเป็นหลัก บวกดึงฐานเสียงของภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยจึงคาดว่าจะได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งปี 66 พอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคประชาชนได้
@ คลิปเสียงหลุด ทำให้นายกฯ ถูกร้อง จะทำให้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยวางไว้เกิดการพลิกผันหรือไม่
มองว่าเป็นตัวกดดัน เพราะนายกฯ มาขอโอกาส สิ่งนี้จะกดดันนายกฯ ต้องทำให้เร็ว และทำอะไรบ้าง ถ้าเบี้ยวไม่ทำ หรือใช้โอกาสเสียของจะเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนตัวนายกฯ ระหว่างทาง
@ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา และหากสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่จะกระทบอย่างไรบ้าง
ถ้าเทียบเคสนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ อาจมองว่าไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ เพราะการเจรจาตามคลิปหลุด หรือการไปเจรจากันนอกรอบ ที่มองว่าไม่เหมาะสมสร้างความเสียหาย เข้าข่ายทำให้นายกฯ ขาดคุณสมบัติ เป็นการกระทำที่จบไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ดำรงตำแหน่งอยู่ ทำงานต่อไปได้ แต่ถึงเวลาก็ออกจากตำแหน่ง
แต่หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องดูองค์ประกอบของครม.ใหม่จะออกมาก่อนศาลพิจารณาหรือไม่ สมมติมีชื่อแปลก อาจมีชื่อนายทหารเป็นรองนายกฯ ก็อาจจินตนาการได้ว่า จะมีคนนี้มารักษาการแทนได้ สอดคล้องกับการวางหมากแก้ข้อพิพาทชายแดนให้ราบรื่น โดยไม่ต้องมีนายกฯ อยู่ในตำแหน่ง แต่หากครม.หน้าตาปกติ แนวโน้มก็เป็นนายภูมิธรรม รักษาการณ์ คงไม่ส่งผลกับปัญหาชายแดนมาก ด้วยท่าทีนายกฯ ขอโอกาสนั้นหมายความว่า เขาให้อำนาจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้แก่ฝ่ายความมั่นคงเป็นหลัก รัฐบาลเป็นฝ่ายสนับสนุน ส่วนครม.ใหม่ไม่น่าระส่ำระสาย เพราะวันนี้คนอาจจะคิดว่าเอานายกฯ ออกไปก่อน อาจจะดีกว่า ช่วยลดกระแสได้
@ มีโอกาสเกิดรัฐประหารหรือไม่
ไม่น่าจะมี ถ้าจะรัฐประหารคงทำไปแล้ว จังหวะมันได้ตั้งแต่สัปดาห์นั้นแล้ว ไม่เลี้ยงมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นแปลว่าเขาไม่ทำ เพราะมีเครื่องมืออื่นตามรัฐธรรมนูญที่ยังใช้งานได้ดี ซึ่งก็เหมือนการรัฐประหารอยู่แล้ว รอบนี้สามารถไปถึงขั้นเอานายกฯ ออก เอาลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เข้ามาได้ แล้วจะรัฐประหารทำไม และมาตามรัฐธรรมนูญ เพราะมีชื่อเป็นแคนดิเดตอยู่แล้ว ถ้าสภากล้าโหวต พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็ต้องกล้าไปกราบบังคมทูลขอลาออก แต่วันนี้เขาไม่ทำ ถ้าไม่ได้รับสัญญาณชัดว่า ให้มาช่วยกู้วิกฤติ เพราะจะเหมือนเป็นการไปบังคับท่านจากการที่สภาโหวตเสียงข้างมากโดยไม่ไปกราบบังคมทูลฯก่อน
@ มีโอกาสมีนายกฯ พระราชทานหรือไม่
ไม่มี เพราะคนนอกมาไม่ได้ รัฐประหารอย่างเดียวเท่านั้น แต่วันนี้เขาเลือกใช้วิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ถ้าวันนี้มีการรัฐประหาร เป็นรัฐบาลทหาร ทรัมป์ไม่มีทางให้คุยด้วย และถ้ากัมพูชาดันข้อพิพาทไปทางใดทางหนึ่ง นานาชาติจะโหวตเข้าข้างใครระหว่างรัฐบาลไทยที่เป็นทหาร กับกัมพูชา ฉะนั้นเสียเปรียบด้านต่างประเทศทุกประตู ดังนั้นยิ่งสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่มีทางทำรัฐประหาร แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้านายกฯ ไม่ทะเล่อทะล่า ก็ไม่น่าจะพลาด จังหวะแบบนี้ควรรู้ว่าต้องวางตัวอย่างไร ต้องฟังให้มาก
@ ในสภาพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ แต่จะทำอย่างไรไม่ให้ไทยเสียเปรียบเพื่อนบ้าน
สถานการณ์นี้เหมือนประชาชนถูกมัดมือมัดเท้า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเราควรเรียกร้องคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ แต่ประชาชนก็ยังกังวลว่าจะเป็นการซ้ำเติม เข้าทางฝ่ายเพื่อนบ้าน จึงคิดหนัก และเถียงกับตัวเองเหมือนกัน ดีที่สุดประชาชนให้โอกาสรัฐบาลอยู่ระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน แต่ไม่ใช่เอาโอกาสไปทำตามใจชอบ รัฐบาลรีบวางระบบรับมือกับสถานการณ์ให้เรียบร้อย จัดอะไรให้เข้าที่เข้าทางแล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน นี่คือข้อเรียกร้องเต็มที่ที่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าจะให้ยุบเลยวันนี้ก็ยังไม่พร้อม เพราะกลไกรัฐธรรมนูญจะยังไม่ได้รัฐบาลภายใน 2 เดือนหลังยุบสภา ต้อง 4 เดือนเป็นอย่างน้อย แล้วถ้ายุบสภาในสภาพนี้ก็จะเป็นครม.รักษาการแบบที่เขาจะปรับกันหรือไม่ มันเลยยากนิดหน่อยในมุมที่ประชาชนมีทางเลือกน้อย
“คุณต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่พอใจ ไม่ได้แฮปปี้กับองค์ประกอบทางการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารตอนนี้ เราอยากได้ดีกว่านี้ แต่เราเข้าใจสถานการณ์ แต่ขอความชัดเจนว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่ ไม่ใช่อ้างกลัวสุญญากาศ แล้วจะเสียเปรียบ เราเข้าใจว่าต้องการเอกภาพในช่วงแบบนี้ แต่ไม่ควรเป็นเอกภาพไปเรื่อย ความชัดเจนตรงนี้จะทำให้เกิดความแน่นอนบนความไม่แน่นอน ทุกคนจะได้เตรียมความพร้อม ม็อบจะได้ไม่ต้องมาไล่ทุกวัน”