หลังจากหนัง 28 Years Later เข้าโรงฉายเพียง 3 วันแรก็โกยเงินไปมากกว่า 60 ล้านเหรียญแล้ว (ต้นทุนทำหนังอยู่ที่ 75 ล้านเหรียญ) และหากรวมรายได้ทั่วโลกยังไงค่ายหนังก็ได้กำไรแบบเต็ม ๆ ส่วนในประเทศไทยนั้น หนังติดอันดับ 2 เป็นรองก็เพียง How to train your dragon โดยเฉพาะ 3 วันแรก 19-22 มิ.ย.68 ก็โกยรายได้ไปมากกว่า 6 ล้านบาท
สำหรับ 28 Years Later เป็นภาคต่อลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์ 28 Days Later หนังแนวสยองขวัญเกี่ยวกับซอมบี้ โดย 28 Years Later จะดำเนินเรื่องต่อจาก 28 Days Later(2002) และ 28 Weeks Later (2007) ตัวหนังมีความยาว 115 นาที ฝีมือ “แดนนี บอยล์” ผู้กำกับมากฝีมือจาก 2 ภาคก่อน พร้อมดาราดัง แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, โจดี้ คอเมอร์, เรล์ฟ ไฟนส์ และ แอลฟี วิลเลียมส์

เรื่องย่อ 28 Years Later ผ่านพ้นไป 28 ปี จากเหตุการณ์เชื่อไวรัสซอมบี้รั่วไหล ส่งผลให้พลเมืองสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) แทบทั้งหมดกลายเป็น “ซอมบี้” ไล่กัดกินสิ่งมีชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าทั่วทั้งโลกเฝ้ากักกันเกาะอังกฤษเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครออกมาจากเกาะนี้ได้ และหากใครเข้าไปในเกาะนี้ ก็จะออกไปไม่ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามพลเมืองเหล่าผู้รอดชีวิต ยังคงหาทางรอดให้ตัวเอง ด้วยการอพยพไปยังเกาะที่ห่างไกลพื้นดิน ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเล พร้อมกับสร้างกำแพงแน่นหนาป้องกันเหล่าซอมบี้ตัวร้าย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ พลเมืองในเกาะก็มีวัฒนธรรมเฉกเช่นเดียวกับ ชนเผ่าโบราณ คือ วัยรุ่นเด็กหนุ่มอายุ 12 ปี ขึ้นไป จะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกเกาะแบบ survival เรียนรู้การเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ ฆ่าพวกมันบางตัวขณะหลบหนี และเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้

จุดแข็ง
28 Years Later ที่ถ่ายทำด้วย iPhone 15 Pro Max ทำให้ได้มุมภาพหลาย ๆ อย่างที่ดูแปลกตาออกไป (สังเกตจากตัวละครมักจะอยู่ในมุมกว้าง ๆ สวย ๆ ) นอกเหนือจากกล้องแอ็กชันโดรน และกล้องดิจิทัลและกล้องฟิล์ม งานลองเทคสวย ๆ ขณะที่เหล่าซอมบี้ยังคงเป็นซอมบี้ 4×100 หรือวิ่งมาไล่กัดแบบไม่สนหน้าไหน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาตัวละครซอมบี้ให้มีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะตัวหัวหน้า หรือที่เรียกว่าตัว “อัลฟ่า” ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของภาคนี้ก็ว่าได้

ในส่วนของพาร์ท survival ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเป็นพาร์ทที่บีบหัวใจและลุ้นมาก ๆ เด็กหนุ่มวัย 12 ขวบหรือ สไปท์ (รับบทโดย แอลฟี วิลเลียมส์) ต้องออกไปโลกภายนอกกับพ่อ หรือ “เจมี่” (รับบทโดย แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) ก่อนที่เขาจะพาแม่ หรือ “อิซล่า” แม่ (รับบทโดย โจดี้ คอเมอร์) ไปหา คุณหมอ “ลาน เคลสัน” (รับบทโดย เรล์ฟ ไฟนส์) ผู้รอดชีวิตที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ โดยหวังว่าคุณหมอจะรักษาอาการป่วยของแม่ได้

บริบทของหนังไม่ใช่แค่เพียงโชว์เคสของการเอาตัวรอดแบบหนังซอมบี้ทั่ว ๆ แต่หนังยังได้แฝงแง่มุมของ 2 ฝ่าย คือมนุษย์ ตั้้งแต่ “การเมือง” กับความล้มเหลวของการช่วยเหลือ ต้องต่อสู้เพียงลำพัง มุมมองง “สัจธรรมของโลก” ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามรถหลีกพ้นความตายไปได้ และ ฝ่าย “ซอมบี้” มุมมองของผู้ล่าเหนือห่วงโซ่อาหาร มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดที่จะคงอยู่ต่อไป พวกมันจึงพัฒนาการอยู่รอดและเรียนรู้ มากกว่าการเป็นศพเดินได้

จุดอ่อน
บทหนังยังคงทำออกมาแบบไม่สมเหตุสมผล ปล่อยของออกมาไม่หมด เหมือนกั๊กของไว้เฉลยภาคต่อไป แล้วก็มีจังหวะมากมายหลายครั้งที่ผู้ชมก็ตั้งคำถามว่า ทำเพื่อ!!??? ปลอมไหมแบบนี้??

5/5 กะโหลก รักษามาตรฐานของหนังแนวซอมบี้ไว้ได้ มีความโหดดุดิบเถื่อนแบบคงเส้นคงวา ความดราม่าไม่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ดูจบแล้วลุกออกจากโรงยังมีอีกหลายสิ่งอย่าง ที่ยังคงค้างคาใจและเป็นปริศนา มีความเป็นไปได้ที่จะทำภาคต่อไป.

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Sony Pictures Entertainment