เพียงระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน จากปมพิพาทชายแดน ไทย–กัมพูชา ช่วงปลายเดือน พ.ค. 68 พิสูจน์ฝีมือ “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร“ นายกรัฐมนตรี จากความพยายามจะแก้ปัญหา แต่สุดท้ายขยายวงกลายเป็น เชื้อไฟ จุดชนวนให้แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ขยับออกมายกระดับนัดชุมนุมใหญ่ วันเสาร์ที่ 28 มิ.ย.68 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ปมร้อน “คลิปเสียง” สนทนาเจรจากันระหว่าง นายกฯแพทองธาร กับ ฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา คงต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย เมื่อถูกนำมาเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ จนเป็นเกมการเมืองระดับชาติ
ผู้นำรัฐบาลไทย วัย 38 ปี เดินหมากหลงเหลี่ยมให้กับ ฮุน เซน วัย 72 ปี จนกลายเป็นมรสุมซัดกระหน่ำเรียกร้องให้นายกฯแพทองธาร ออกมาแสดงความรับผิดชอบลาออก หรือยุบสภา เกือบทั้งสัปดาห์นับเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานสถานการณ์ของประเทศเกือบจะพลิกผัน ตามเล่ห์กลของฮุน เซน “ชนะโดยไม่ต้องรบ” หวังยิงปืนนัดเดียวให้ได้นกแบบยกรังกันเลยทีเดียว เล่นงานนายกฯไทย แถมฟาดหางไปโดน “ตระกูลชินวัตร”
เหนือสิ่งอื่นใด คงเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ชั้นเชิง “ตระกูลฮุน” สามารถสยบรัฐบาลไทยอยู่หมัดด้วยคลิปเดียว!!
โชคดีความเป็นมืออาชีพของ กองทัพไทย ด้วยการนำของ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) ผบ.ทสส. เป็นที่พึ่งพาของประเทศชาติในยามวิกฤติอย่างแท้จริง พร้อมด้วย 4 เหล่าทัพ ทหารบก–เรือ–อากาศ–ตำรวจ ตบเท้ามายืนเป็นกำแพงหลังช่วยสร้างความเชื่อมั่น ขณะนายกฯแพทองธาร ออกมาแถลงข่าวขออภัยจากปมคลิปเสียง ฮุน เซน
สถานการณ์ยังสร้างวีรบุรุษ ความเป็นทหารอาชีพของ บิ๊กกุ้ง-พล.ท.บุญสิน พาดกลาง (ตท.26/จปร.37) แม่ทัพภาค 2 ลุยปักหลักนำกำลังทหารคุมเข้มแนวชายแดนพิพาทไทย-กัมพูชา ย้ำชัด “เข้าใจกันแล้ว ไม่ติดใจอะไร ยืนยันทำเพื่อประเทศชาติและประโยชน์ของประชาชน“ อีกทั้งได้เห็นภาพนายกฯแพทองธาร ไหว้ขอโทษ พล.ท.บุญสิน อย่างเป็นทางการ ขณะนำคณะรัฐมนตรีลงไปให้กำลังใจทหารในพื้นที่ฐานมรกต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. 68
ผลพวงคลิปสนทนา ยังมีภาพชุดนายกฯแพทองธารและสามี ไปเยี่ยมชมบ้านฮุน เซน สร้างความสั่นคลอนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี นอกจาก พรรคภูมิใจไทย จะรีบโดดเรือชิงถอนตัวจากรัฐบาลก่อนเพื่อนแล้ว บรรดา กลุ่มม็อบหน้าเดิม ๆ แกนนำม็อบพันธมิตร-เสื้อเหลือง, กปปส.-นกหวีด, อดีตเสื้อแดง ฯลฯ โผล่จับมือรวมตัวกันชื่อ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. อ้างออกมาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่เรียกร้องรัฐประหาร
แต่หากย้อนกลับไปดูบริบทการเมืองไทยในอดีต รัฐประหาร 19 ก.ย. 49อยู่ในยุคของ รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนเกิดรัฐประหารก็มีประท้วงใหญ่ ยืดเยื้อโดยมวลชนต่อต้านรัฐบาล จนเป็นวิกฤติความขัดแย้งรุนแรง นำไปสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมืองและความไร้เสถียรภาพ ท้ายที่สุดแล้ว กองทัพ ตัดสินใจนำกำลังทำรัฐประหาร เหตุผลเพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรง คืนความสงบให้กับประเทศ
ระยะเวลา 19 ปีเต็ม รัฐประหารเกิดขึ้น 2 ครั้งกับ “ตระกูลชินวัตร” สร้างบาดแผลและความแตกแยกในสังคมไทยยังคงส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นต้องจับตาเกาะติดการชุมนุมของม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ 28 มิ.ย. จะเป็นเชื้อไฟให้ลุกลามบานปลาย กลายเป็น “ลับลวงพราง ในยุค AI” ซ้ำรอยกงล้อประวัติศาสตร์เดิมหรือไม่?
ยิ่งสถานการณ์บ้านเมือง มีปัญหาล่อแหลมถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันเช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!!.
…………………………………
เชิงผา