เมื่อมาผนวกรวมเข้ากับความ “ไม่สมประโยชน์” ทางการเมือง ที่มีปมเหตุมาจาก “คาสิโน” ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นที่เดิมทีก็แทบไม่มีอยู่แล้ว ยิ่งอาการหนักจนกลายเป็นติดลบเข้าให้อีก

ทั้งหลายทั้งมวล…ไม่ใช่อื่นใดเลย ล้วนมาจากปัญหาทาง “การเมือง” ทั้งนั้น และที่มาของปัญหาการเมือง ก็ไม่ใช่อื่นใดเช่นกัน นอกจาก “ผลประโยชน์” ที่ไม่ลงตัว

ทั้งที่เวลานี้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศกำลังเผชิญความยากลำบาก จากปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง มีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ และอีกมากมายสารพัดปัญหา

ที่สำคัญ!!ปัญหาเหล่านี้ แม้จะมีมาตรการรัฐออกมาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ดอกผลจากมาตรการ ยังไม่มีออกมาให้เห็นแบบจับต้องได้แบบชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

สำนักวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่งเชื่อว่าในครึ่งปีหลังของปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยจะยิ่งหนักหนาสาหัสจากหลาย ๆ ปัจจัย จนคาดกันว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะไม่ถึง 1%

นอกจากนั้นในไตรมาส 3ไตรมาส 4 ของปีเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หรือภาวะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ติดลบติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส

ทั้งนี้ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกมาประเมินว่า แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 นี้ ยังสามารถขยายตัวได้ 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือไตรมาสแรก ปี 68 เศรษฐกิจจะไม่ขยายตัว

ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ยังขยายตัวได้ที่ 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะติดลบที่ 0.4%

ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบต่อเนื่องที่ 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสสี่ ของปี 67 จะขยายตัวได้ประมาณ 0.2%

เช่นเดียวกับศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยคาดว่าในไตรมาส 2 นี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะเติบโตเพียง 0.1%

ขณะที่ในไตรมาส 3 จะติดลบถึง 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แต่ขยายตัวได้ 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 67 ขณะที่ ไตรมาสสุดท้ายก็ติดลบถึง 0.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และติดลบถึง 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3

สถานการณ์เช่นนี้!! ไม่ใช่เรื่องที่ผู้บริหารประเทศจะปล่อยผ่าน หรือทำเป็นไม่รู้ร้อน หรือนำปัญหาการเมืองมาเป็นปัญหาใหญ่กว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

เพราะ…หากยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ก็ย่ิงทับถมให้คนไทยทั้งประเทศไม่มีทางออก การก่อตัวของกลุ่มคนที่ทนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้ง หรือทนไม่ไหวจริง ๆ ต้องรวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้คืนอำนาจให้ประชาชน

แม้ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว การชุมนุมเรียกร้องจะถือว่าเป็นเรื่องปกติที่คนไทยทำได้ แต่ในผลรวมของประเทศแล้วไม่ได้เกิดผลดีใด ๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่จะมีแต่ดิ่งลงเหว

ยิ่งในเวลานี้ กระแสข่าวที่ปล่อยกันให้ว่อนว่านายกฯแพทองธาร จะไขก๊อก หลังผลักดันกฎหมายงบประมาณ 69 จนแล้วเสร็จ ยิ่งทำให้เอกชนสับสน ว่าสุดท้ายแล้วจะอย่างไรกันแน่

ต่อให้คนไทยทั้งประเทศ เคยชินกับ “การเมืองไทย” ที่ขึ้นอยู่กับการบริหารประโยชน์ แต่ในยามนี้!!ในยามที่ประเทศไทยเจอศึกรอบด้าน ทั้งในประเทศ ทั้งต่างประเทศ

หาก!! ผู้นำรัฐบาล ยังคงปล่อยให้เป็นไปตามสภาพเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่า…ความไว้วางใจที่เคยได้ ความไว้วางใจที่เคยมี จะยิ่งลดน้อยถอยลง จนท้ายที่สุดอาจเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเข้าอีกก็เป็นไปได้.

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่