ปักหมุดลุยไฟต่อไม่สนเสียงตะโกนไล่สำหรับ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ช่วงนี้เข้าตำราเจอมนต์ดำเขมร ถล่มใส่สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้ง “ตระกูลชินวัตร”กับ 2 เหตุการณ์สำคัญ ที่“รัฐบาลแพรทองธาร” ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติศรัทธาดิ่งเหว
เหตุการณ์แรก คือ คลิปเสียงพ่นพิษจากฝีมือ “อังเคิลฮุนเซน” สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ปล่อยคลิปลับ ซึ่งเป็นเสียงของ “หลานอิ๊งค์” กับ “คุณลุงฮุนเซน” ออกมาประจานลีล่าที่อ่อนหัดของภาวะการเป็นผู้นำของประเทศ ที่ใช้ลีลาเจรจากล่อม เจตนาหวังแก้ไขสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ไม่ให้เกิดการสู้รบกัน

แต่ถือว่ากระดูกยังอ่อนชั้นเชิง เพราะเจอพญาเสือเฒ่า เขมรเจ้าเล่ห์ที่เหลี่ยมจัดกว่า ทำเอาเก้าอี้ “นายกฯแพทองธาร” สั่นคลอน เพราะข้อความในคลิปลับ ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง “คุณลงฮุนเซน” กับ “หลานอิ๊งค์” ปล่อยออกมาล็อตแรก 9 นาที เล่นเอาประชาชนคนไทยอึ้งกันทั้งประเทศ ด้วยคำพูดที่บาดใจคนไทยและกองทัพ
โดยบทสนทน คือ “นายกฯอิ๊งค์” ที่กล่าวทักทาย สมเด็จฮุน เซน ถึงเรื่องสุขภาพ จากนั้นก็เปิดประเด็นนับญาติใช้สรรพนามเรียก “คุณลุง” และ “หลาน” ต่างอยากให้ประเทศสงบสุข ไม่อยากให้ “คุณลง” ฟังแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะเขาเป็นคนของฝั่งตรงข้ามกับเรา ไม่อยากให้รู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ ทางนั้นเขาอยากจะพูดเอาเท่ จริงๆเราต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดน

“ขอให้ “คุณลุง”เห็นใจ “หลาน”หน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศ “หลาน”ไล่ให้มาเป็นนายกฯ เขมรหมดแล้ว ถ้าอยากได้อะไร ให้บอกมาเดี๋ยวจะจัดการให้ค่ะ”
นอกจากนี้ยังมีบทสนทนาถึงเรื่องการ “เปิด-ปิด” ด่านที่ “สมเด็จฮุนเซน”ไม่พอใจขยับรุกไล่ชี้ว่าไทยเอาประเด็นนี้มากดดันพร้อมตัดน้ำตัดไฟ ทำให้ “หลานอิ๊งค์” จึงกล่าวขอโทษ “อังเคิลฮุน เซน” ที่เข้าใจว่าฝั่งไทยจะตัดน้ำตัดไฟ แถมอธิบายด้วยว่า ที่จริงเป็นแค่การอธิบายขั้นตอนให้ฟังว่า หากเกิดเหตุการณ์ต่อไปแล้ว ไทยจะทำอย่างไรบ้างและกล่าวว่าถ้าจะให้โอเคทั้งสองฝ่ายต้องบอกว่า รัฐบาลคุยร่วมกันแล้วว่าจะเปิดทุกอย่างให้กลับมาเป็นปกติ จังหวะนี้ทำให้ “คุณลงฮุนเซ็น ได้โอกาสบี้ให้ “หลานอิ๊งค์” ให้ไปเคลียร์ทหารว่าพร้อมหรือไม่ในการเปิดด่าน เพราะที่ผ่านมาต้องการเสถียรภาพ แต่ถูกทหารฝ่ายไทยเริ่มปิดด่านกดดันก่อน นายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวตอบว่า “พร้อม”

ทันทีที่มีคลิปหลุด “นายกฯอิ๊งค์” แถลงยอมรับได้มีการโทรศัพท์พูดคุยจริงแต่ก็เพื่อต้องการให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข แต่“อังเคลิฮุนเซน” ยังประจาน “หลานอิ๊งค์” ไม่สาแก่ใจ บอกมีคลิปเต็มฉบับเต็มความยาว 17 นาที 60 วินาที ส่อเขย่าไปทั้งตระกูลชินวัตร ด้วยการโพสต์รูปภาพเมื่อครั้งที่ “นายกฯอิ๊งค์”ไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และได้พา “นายกฯ อิ๊งค์ และสามี” ปิฎก สุขสวัสดิ์ ไปชมห้องที่“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เคยมาพักที่บ้านฮุนเซน
งานนี้ปลุกกระแสประชาชน ให้ออกมารุมถล่ม “นายกฯอิ๊งค์” ทั้งประเทศ โดยเฉพาะกระแสโซเชียลถล่มทลาย มีทั้ง จี้ให้ ลาออก ยุบสภา ลากไปถึงเรียกร้องให้ทหารออกมาคุมสถานการณ์เวลานี้ ด้วยความที่ไร้ศรัทธา ไม่เชื่อใจรัฐบาลแพทองธาร ในการบริหารจัดการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

หวั่นเกรงว่า จะยึดประโยชน์ส่วนตนมากกว่ายึดประโยชน์ประเทศ เพราะคน “ตระกูลชินวัตร” มีความถนัดทำอะไรที่เป็นดีลลับที่เห็นได้ชัด คือ ดีลลับพา “คุณพ่อกทักษิณ”กลับบ้าน แต่ดีลครั้งนี้กลับกลายเป็นกับระเบิดและส่อกลายเป็นปรมาณูลูกใหญ่พุ่งเข้าใส่ตระกูลชินวัตร
ขณะที่พรรคประชาชน (ปชน.) ออกมาไล่ไม่ยั้งถือว่าเป็นจังหวะเพราะรู้ว่าสถานการณ์ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ส้มกลับมาเยอะกว่าเดิมแน่ “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค จึงเรียกร้องให้ “นายกฯอิงค์” ยุบสภา เพราะประชาชนหมดความเชื่อมั่นรัฐบาลแล้วจากทบสนทนาของ “นายกฯอิ๊งค์”แล้ว ขอให้แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภา

ยังไม่รวมบรรดากลุ่มรักชาติเดินสายเข้าแจ้งความเอาผิดนายกฯรัฐมนตรีทั่วประเทศ รวมถึงบรรดาเหล่านักร้องตบเท้ายื่นองค์กรอิสระถอดถอนนายกฯอิ๊งค์ ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว
แต่ “นายกอิ๊งค์”สวมบทเดินลุยไฟเรียกผบ.เหล่าทัพ ร่วมเคลียร์ที่ตึกไทยก่อนออกมาตั้งโต๊ะแถลงขออภัยคนไทยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ และได้คุยกับทาง “แม่ทัพภาคที่2 และกองทัพ” โดยได้อธิบายถึงเจตนาว่าเป็นเพียงเทคนิคของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจ เพื่อคุยในรายละเอียดต่อไป เพื่อให้การปะทะหยุดลง ซึ่งเป็นความตั้งใจที่แท้จริง ที่ต้องการให้สถานการณ์สงบสุข และไม่ทราบว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่แบบนี้ โดยทำความเข้าใจกับกองทัพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองทัพรับฟัง
“วันนี้เราไม่มีเวลามาทะเลาะกันเองเราต้องปกป้องอธิปไตยของเราเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นตรงกันและรัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนใดใดที่ทางกองทัพต้องการนี่คือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำร่วมกัน”

“รัฐบาลไทย”และ “กองทัพ” ขอแสดงความรับผิดชอบในเรื่องของการปกป้องอธิปไตย ที่เราดูแลกันและยืนยันอีกครั้งว่า “รัฐบาลและกองทัพ” เป็นหนึ่งเดียวกัน อยากให้พี่น้องประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกับเราด้วย
“นายกฯอิ๊งค์”ยังตบท้ายด้วยว่า ต่อจากนี้จะระวังเรื่องการพูดคุยให้มากขึ้นและจากที่คุยกับกองทัพมั่นใจว่าถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่งและสามัคคีกัน เราจะสามารถผ่านพ้นไปด้วยกันอย่างแข็งแรงได้ รวมทั้งลงพื้นที่ไปช่องบกเพื่อเคลียร์ใจกับแม่ทัพภาค 2 ด้วย
เพราะนายกฯได้ปรับท่าทีเพื่อลดแรงเสียดทาน การปรับครั้งนี้ก็ต้องถามทหารด้วยแค่นี้พอหรือไม่ ต้องจับตาดูท่าทีของทหารว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อจากนี้

เหตุการณ์นี้ชั่งน้ำหนักดูแล้ว ถ้าทำตามข้อเรียกร้องให้ “ยุบสภา”หรือ “ลาออก” ได้เจอคดีร้อนตามไล่หลังมาเป็นพรวน ยังไม่รวมกระแสไล่บี้ไม่หยุดหย่อนจนอาจจะกลายเป็นต้องเก็บกระเป๋าหนีไปต่างประเทศ เดินตามรอย “คุณพ่อทักษิณ” และ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่บรรดาสส. ผู้สมัคร อาจจะไม่มีที่ยืน ถ้ามีการเลือกตั้งจริง โอกาสสูญพันธุ์เป็นไปได้สูง
เพราะฉะนั้นการตัดสินใจกอดบัลลังก์ไทยคู่ฟ้ายืดอายุรัฐบาล ใช้เวลาในการแก้ปัญหาสร้างศรัทธาใหม่ก็ยังดีกว่าปล่อยสถานการณ์ดิ่งเหว เลวร้ายลงไปไม่สามารถกอบกู้ศรัทธาได้อีก

แต่การก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังมีศึกใน “สุดทางรัก-สุดทางเลื่อน” ใน “สงครามแดง VS น้ำเงิน” ที่ล่าสุดเกิดจาก “นายใหญ่ ทักษิณ” ขยับรุกไล่หนู ออกมาทวงเก้าอี้มท.1 โดยแลกเก้าอี้รมว.สาธารณสุข กับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แต่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมให้เสียเหลี่ยมใช้จังหวะก่อนถูกถีบออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ชิงร่อนแถลงการณ์ขอถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยอ้างประเด็นคลิปเสียง “ฮุนเซน” เป็นรันเวย์ ลงแบบเท่ๆ พร้อมได้ทีเรียกร้องให้ “นายกฯอิ๊งค์”แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้จังหวะมีโอกาสขอต่อรองตำแหน่งใน “ครม.อิ๊งค์ 2”
สถานีต่อไปของ “นายกอิ๊งค์” ต้องเจอฝ่ายค้านเขี้ยวลากดินอย่างพรรคภูมิใจไทยด้วยเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ จาก “ยุทธการไล่หนู”แต่ก็ต้องดูดงูเห่าเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อต่อชีวิตรัฐบาล ซึ่งกลุ่มที่โดน เล็งเป้า คือ “สันติ พร้อมพัฒน์” 6 สส. เมืองมะขามหวาน นอกจากนี้ยังมี 2 สส.ไทยสร้างไทยและยังมีสส.พปชร.อีกส่วนหนึ่งรอเข้าแถวมาเติมอีกด้วย
เพราะอาจมีเก้าอี้รัฐมนตรีที่ยึดมาจากพรรคภูมิใจไทย 4 รมว. และ 4 รมช. คงต้องจับตาว่าการจัดสรรเก้าอี้ คณะรัฐมนตรี “ครม.แพทองธาร 2” ที่เดทไลน์ปิดจ๊อบในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร จะต่ออายุรัฐบาลได้ถึงสิ้นปีตามไทม์ไลน์ที่วางไว้หรือไม่