ถูกยกเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่แฟนๆและคนในวงการบันเทิงชื่นชมอยู่เสมอสำหรับ โอบะ เสียงเหน่อ นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย สมัยที่ 2 ที่เดินหน้าพัฒนาวงการตลกและทำงานเพื่อความสุขของแฟนๆอย่างหนักหน่วง ขณะเดียวกันก็เป็นเสมือนกระบอกเสียงของคนในวงการตลกและวงการเพลงลูกทุ่งที่ออกมาพูดถึงความเป็นไปของสมาคมตลกในปัจจุบันที่บอกเลยว่าเข้าขั้นลำบากเต็มที ไม่ว่าจะด้วยงบประมาณที่ไม่เคยได้รับจากภาครัฐ ทำให้สมาชิกในวงการตลกต้องดูแลกันเอง และใช้คำว่าเอาตัวรอดกันไปเป็นวันๆ
งานนี้ yimyim มีโอกาสได้พูดคุยกับโอบะ เสียงเหน่อ ผู้อยู่เบื้องต้นวงการตลกในปัจจุบัน และเป็นผู้ที่ซัพพอร์ตดูแลวงการตลกอย่างเต็มกำลัง ทั้งในแง่ของการทำงานและเรื่องของการสร้างอาคารตลกที่วัดรางหมัน จ.นครปฐม ที่เพิ่งเปิดตัวอาคารไปไม่นานนี้

สำหรับการก่อสร้างอาคารตลกที่ จ.นครปฐม ตั้งใจจะสร้างตอนไหน ?
“ตอนที่พี่เป็นนายกสมาคมฯ อาคารต่างๆของตลกก็เช่าเขาอยู่ ค่าใช้จ่ายรายเดือนเบ็ดเสร็จแล้วอยู่ประมาณ 30,000 กว่าบาท อยู่แถวๆ เลียบคลองประปา ใกล้ๆ ม.ธุรกิจบัณฑิต แต่ทีนี้พี่ก็ถามเลขาว่าในสมาคมฯเรามีเงินอยู่เท่าไหร่ ซึ่งเงินในสมาคมฯมีอยู่ประมาณ 30,000 กว่าบาท แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไร เราก็มานั่งคิดว่าถ้าอยู่ที่นี่ก็จะอยู่ได้แค่เดือนเดียว แล้วเดือนต่อไปผมจะทำยังไง ก็เลยไปยืมเงินแฟนมา 200,000 บาท เพื่อที่จะมาประคอง จนคิดได้ว่าเราไปหาอยู่ในที่ๆ เราไม่ต้องเสียเงินค่าเช่า จนมานึกถึงวัด แล้ววัดที่เราจะไปคือวัดไหนที่เรารู้จัก วัดรางหมัน เราเคยมาเล่นตลกก่อนหน้านั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แล้วก็ได้มาสนิทกับหลวงพ่อคนปัจจุบันนี้ ซึ่งไม่ได้สนิทอย่างเป็นทางการ ก็เลยเสี่ยงดวงขับรถมาที่นี่ ก็เลยมาขอหลวงพ่อพร้อมเล่าเรื่องราวให้กับท่านฟัง ซึ่งตอนนั้นเราเป็นรักษาการตำแหน่งนายกฯ แล้วหลวงพ่อก็บอกว่า เอาอย่างนี้นายกฯ ตรงโน้นอยู่ได้ไหม มันศูนย์เด็กเล็ก แล้วพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ต่ำ เวลาฝนตกน้ำก็จะขัง ซึ่งระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ก็เกิดน้ำท่วมอยู่อย่างนั้นประมาณสองปี จากนั้นหลวงพ่อก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่มีเงิน เดี๋ยวปรึกษากันกับหลวงปู่ ซึ่งท่านก็นำเรื่องไปปรึกษาอยู่ประมาณเดือนนึง หลวงพ่อก็ติดต่อกลับมาว่า ผมสั่งรื้อแล้วนะ เราก็บอกว่าเงินไม่มีเลยนะ ท่านก็บอกว่าไม่ต้องกลัว ท่านก็ให้ผมมารื้อภายในสองสามวันนั้น หลังจากนั้นอีกประมาณหนึ่งเดือนหลวงพ่อก็บอกว่า นายกฯเอาคณะกรรมการมาจุดธูปยกเสาเอกหน่อย พอมาถึงแกก็ขุดหลุมปลูกเสาอะไรเรียบร้อยหมดแล้ว หลวงพ่อจัดให้หมดเลย หลังจากนั้นหลวงพ่อก็บอกว่า ประมาณปีนึงเข้ามาอยู่ได้เลย เราก็คิดว่าอะไรจะมาสร้างปีนึงเสร็จ เชื่อไหมว่า ปีนึงเสร็จเกือบ 90% เพราะว่าช่างในวัดมีประมาณ 30-40 คน ซึ่งหลวงพ่อยุติการสร้างที่อื่นและมารุมที่นี่ทีเดียว”

ก็เลยกลายเป็นอาคารตลกให้พวกเรามาประชุมทำงานกันใช่ไหม?
“ใช่ครับ ราคาประมาณ 18,000,000 บาท ซึ่งทางหลวงปู่อนุมัติมาที่หลวงพ่อและทางหลวงพ่อ ก็จัดพระวัตถุมงคลบ้างและทอดผ้าป่าบ้าง และเงินที่ชาวบ้านมาช่วยกันทำบุญให้วัดหลวงพ่อก็นำเงินในส่วนนั้นมาช่วยจนมีอาคารให้ตลกดังเช่นตอนนี้”
เห็นบอกว่าจะลดจำนวนสมาชิกตลกลง อันนี้เรื่องจริงไหม?
“บอกตรงๆ เรากดดันมาจากศิลปินตลกรุ่นครูบาอาจารย์ว่าสมาชิกเยอะเกิน ได้สแกนตลกบ้างหรือเปล่าว่าคนไหนเป็นตลกที่แท้จริง ก็เลยบอกว่าถ้าตลกที่แท้จริงมันมีอยู่ไม่เกิน 300 หรอก แต่ทีนี้ที่สมาชิกมัน 600 กว่าคน ในยุคที่ก่อนหน้านี้ ท่านก็มีเจตนารมย์ที่ดีว่าให้สมาชิกมาอยู่เยอะๆ องค์กรเราจะได้ใหญ่ๆ จะได้มีการต่อรองกับพวกรัฐบาลบ้าง ท้ายที่สุดมันต่อรองอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าองค์กรเล็กๆ ที่รัฐบาลเขาอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องดูแลด้วยตัวของเราเองดีกว่า พอทีนี้เราดูแลด้วยตัวของเราเอง “พ่อเป็ด เชิญยิ้ม” ก็เลยบอกว่า ก็หาวิธีลดจำนวน ซึ่งวิธีการลดจำนวนเราก็ต้องมาสแกนกันใหม่ว่า ใครเป็นตลกจริงๆ เล่นอยู่คณะไหน อะไรแบบนี้มากกว่า”

แล้วอย่างตลกที่เพิ่งเข้ามาเล่นใหม่จะรับเขาสมาคมตลกไหม?
“ก็ยังไม่ได้รับครับ แต่ก็มีมาสมัครเป็นสมาชิกตลก เราก็เลยบอกว่า เดี๋ยวรอนโยบายของสมาคมก่อนนะ เดี๋ยวรอให้หมดวาระนี้ก่อนว่าจะยังไง”
เพื่อให้บริหารจัดการง่ายขึ้น ใช่ไหม?
“เพื่อให้มีบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าสมาคมมันมีเงิน มันไม่มีปัญหาหรอก คือสำคัญตรงมันไม่มีเงิน และการแบกหน้าไปขอเงินคน ซึ่งการจัดงานนี้อย่างถ้าไปขอใครซักคนนึงพอใช้ไปแล้วปีนึงหมด ก็ต้องแบกหน้าไปขอคนเดิมใครเขาจะมาให้ มันก็ไม่ได้ แล้วก็อยากให้รัฐบาลรับรู้ว่าอาชีพตลกก็เป็นอาชีพนักแสดง งบประมาณอะไรที่มันสำคัญก็ให้เยอะ สาธารณสุข การคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ ทุกอย่างมันจำเป็น แต่วงการบันเทิงมันก็เป็นหน้าเป็นตาเป็นศิลปะวัฒนธรรม มันเป็นการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมของคนไทยอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาไม่มีงบประมาณมาถึงเลย ส่วนใหญ่ดูแลกันเองครับ”
ยังรอคอยความหวังอยู่ไหม?
“ก็คงจะหมดหวัง ถ้าเป็นเทียนก็คงใกล้จะดับเต็มที่แล้ว(หัวเราะ) ”
ในฐานะนายกสมาคมตลก มันกดดันไหมกับสิ่งที่ทำมาทั้งหมด?
“กดดันมันมีอยู่แล้ว แต่ว่าบางทีเราเหนื่อย และท้อ บางทีตีสองตีสามยังไม่ได้นอนเลยนะ วิ่งไปงานการกุศลวันเกิดคนนั้นวันเกิดคนนี้ อย่างที่เปิดอาคารนี้ยังไม่รู้เลยว่า จะต้องวิ่งไปใช้หนี้ใครที่ไหนบ้าง อย่างผู้ใหญ่ที่เขามาเขาบอกไปงานที่ไหนเราก็ต้องไป แล้วไปแทบทุกงาน คือมันเหนื่อยแต่มันได้กำลังใจจากพี่ๆ พ่อๆ เขาก็จะโทรมาว่า นายกเหนื่อยก็พักให้หายเหนื่อยนะ หายเหนื่อยมันยังมีโอกาสสู้ แต่ถ้าท้อมันก็ท้อได้ทุกวัน”

คาดหวังกับการช่วยเหลือของรัฐบาลอย่างไรบ้าง?
“จริงๆปัจจุบันรัฐบาลจะเรียกใช้คนบันเทิงน้อยเต็มที แต่ผมถามหน่อยว่า คนบันเทิงนี่แหละเป็นคนที่เชิดหน้าชูตาให้กับชาวต่างชาติได้เห็น ว่าบทเพลงลูกทุ่ง ลิเก หนังตะลุง โนราห์ เพลงพื้นบ้าน ลำตัดพื้นบ้านมันเป็นวัฒนธรรมเป็นรากหญ้าของคนไทย มันเป็นวิถีชีวิตของคนไทยของเรา ทำไมไม่จัดสัปดาห์ลูกทุ่ง ที่ไหนก็ได้ในเมืองใหญ่ๆ ก็ได้ สัปดาห์ตลก สัปดาห์เพลงพื้นบ้าน มหกรรมลิเก ซึ่งเรารู้จักไหมว่าลิเกในเมืองไทยมีกี่คณะ เขามีสมาชิกเกือบ 7000 คน ลิเกมีไม่ต่ำกว่า 400-500 คณะ แต่คนไทยจะรู้จักแค่สามคณะ ทั้งที่ลิเกมีเยอะแยะเลย จำอวดหน้าม่าน ลำตัด เพลงฉ่อย คนก็รู้จัก “น้าโย่ง-น้านง-น้าพวง“ แต่ต้นตำรับจริงๆคือ ”แม่ขวัญจิต“ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ ทำไมถึงไม่เปิดการสอนเพลงเหล่านี้ให้แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ คือไม่มีเลย แม่ต้องมาเปิดสอนเองหาเงินเอง คือเขาไม่ได้ส่งเสริมเลย มันลำบากตรงนี้ ก็อยากให้รัฐเห็นใจช่วยเหลือสักนิด”

คอลัมน์ “1Day With ซุปตาร์”
โดย yimyim