“ทีมข่าวอาชญากรรม”ย้อนจุดเปลี่ยนสถานะหมอ เป็นผู้ต้องหา เกิดขึ้นหลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พบพิรุธคำสั่งซื้อกลุ่มยานอนหลับ ซึ่งเป็นยาควบคุมเพราะเสี่ยงถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือเรียกว่ายาเสียสาว จึงแจ้งผบ.ตร.ทราบตั้งแต่ก.ย.67ต่อมามีคำสั่งให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)แกะรอยร่วมกับ อย. กระทั่งพบพฤติการณ์กระทำผิดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
หนึ่งในตัวการสำคัญคือ “หมอแอร์” ซึ่งมีชื่อเป็นผู้สั่งยากลุ่มดังกล่าวผ่านคลีนิก 12 แห่ง และชำระเงินเพียงผู้เดียว
จุดเริ่มต้นพบความผิดปกติเกิดขึ้นช่วงปี 65 หมอแอร์สั่งซื้อยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ ประเภทที่ 2 และ 4 จำนวนมาก จึงต้องข้อสงสัยไม่ได้นำไปใช้รักษาผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่ยาอาจถูกนำออกนอกระบบ ซึ่งเป็นไปตามข้อสันนิษฐาน เมื่อตรวจสอบเชิงลึกทั้งพฤติการณ์สั่งซื้อ รวมถึงเส้นทางการเงินที่มีการสอบทานทั้งจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน ปรากฎความสัมพันธ์เชื่อมโยงตรงกัน และมีการกระทำเป็นขบวนการ โดยแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ประกอบด้วย ทีมสั่งซื้อ ทีมเก็บรักษา และทีมขาย
เริ่มจากหมอแอร์ใช้ใบประกอบวิชาชีพสามารถสั่งซื้อยาจากอย. ผ่านการใช้ชื่อคลีนิก 12 แห่ง เมื่อคลีนิคต่างๆ ได้ยาตามสั่ง จะมีการนำยาไปเก็บรวบรวมไว้ในที่เก็บ เป็นแฟลตตำรวจซึ่งหมอแอร์มีชื่อเป็นผู้พัก จากนั้นมีการกระจายยาไปขายต่อ โดยยาจำนวนนี้ถูกกระจายไปขายรายย่อยทั้งพื้นที่กทม. ปริมณฑล สุดท้ายพบการขายไปถึงผู้เสพด้วย
ตามข้อมูล อย. ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมปริมาณตัวยาที่สั่งตลอดช่วงผิดปกติที่พบ แต่เฉพาะที่ตรวจพบของกลางมียาหลายประเภทรวมกันมากถึง 170,400 เม็ด แบ่งเป็น
วัตถุออกฤทธิ์ ประเภทที่ 2 ได้แก่ ยาอัลปราโซแลม ชนิดเม็ด 57,000 เม็ด , ยาโซพิเด็มทาเทรท 16,100 เม็ด และยาฟลูไนตราซีแพม 24,300 เม็ด และวัตถุออกฤทธิ์ ประเภทที่ 4 ได้แก่ ยาโครนาซีแพม 63,000 เม็ด และยาคลอราเซพาท 10,000 เม็ด
จากพฤติการณ์สั่งซื้อของหมอแอร์ ตลอดช่วงปี 65-68 พบลักษณะค่อยๆเพิ่มขึ้น โดยปี 65 มี 5คลีนิก ยอดสั่งซื้อกว่า 1ล้านบาท , ปี 66 เพิ่มเป็น 7 คลีนิก ยอดสั่งซื้อกว่า 4 ล้านบาท , ปี 67 เพิ่มเป็น 11 คลีนิก ยอดสั่งเพิ่มเป็น 7.8 ล้านบาท และปี 68 มี 12 คลีนินิก (ม.ค.-พ.ค.) มี 2.5 ล้านบาท
ถือเป็นข้อสังเกตพิรุธชัดเจน เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ของผู้ป่วยในรพ.ยังไม่สั่งซื้อจำนวนมากเท่านี้ และน่าตกใจเพิ่มขึ้นเมื่อชื่อผู้รับยาจำนวนหนึ่ง“เสียชีวิต”ไปแล้วตั้งแต่ปี 47-67 แต่ถูกอ้างชื่อ
ตรวจสอบย้อนหลังเพียง 2 เดือน มีการใช้ชื่อผู้เสียชีวิตสวมรอยบัญชีรับยา 370 ราย เชื่อว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก ส่วนรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ถูกแอบอ้างจะมีที่มาอย่างไร ต้องขยายผลหาต้นตอ
เป็นอีกคดีฉาว ดับตำนานคุณหมอภาพลักษณ์ดี ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่เตือนภัยยาเสียสาว แต่สุดท้ายกลับทำร้ายสังคมเสียเอง.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน