ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจโดยให้คำมั่นว่า จะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวยุโรป และสร้างความฮือฮาในการรณรงค์หาเสียงเมื่อปี 2559 ด้วยการประกาศว่าจะสร้างกำแพงกั้นระหว่างเม็กซิโก และเรียกร้องการปิดกั้นไม่ให้ชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ “อย่างเด็ดขาด”
เมื่อทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกในปี 2560 เขาก็สั่งห้ามการเดินทางจาก 7 ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ส่วนข้อจำกัดการเดินทางครั้งใหม่ ทรัมป์พุ่งเป้าไปที่ “ศัตรู” ของสหรัฐอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากำหนดข้อยกเว้นมากขึ้น และรวมถึงการเดินทางจากประเทศเล็กในแอฟริกาหลายแห่ง ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ ชาด สาธารณรัฐคองโก (คองโก-บราซาวีล) และอิเควทอเรียลกินี
ขณะเดียวกัน ประเทศขนาดเล็กอีกหลายแห่ง ยังต้องเผชิญกับคำสั่งห้ามการเดินทางบางส่วน ได้แก่ บุรุนดี เซียร์ราลีโอน โตโก และเติร์กเมนิสถาน
ทำเนียบขาวระบุในเอกสารข้อเท็จจริงว่า ขึ้นบัญชีดำประเทศเหล่านี้ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือมีพลเมืองพำนักในสหรัฐเกินเวลาวีซ่า “ในอัตราสูง”
ด้านนายอเล็กซ์ นาวราสเตห์ รองประธานฝ่ายการศึกษานโยบายเศรษฐกิจและสังคม จากสถาบันคาโต กล่าวว่า แรงจูงใจของทรัมป์คือ การลดจำนวนผู้อพยพเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย กระนั้น ปริศนาที่แท้จริงมีเพียงอย่างเดียว คือ ทำไมเขาจึงใช้เวลานานมาก
“มันไม่ใช่เรื่องบ้าเลยที่จะคิดว่า สหรัฐเลือกประเทศที่ไม่สำคัญมากนัก ซึ่งไม่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจหรือสังคม ดังนั้น ผมจึงคิดว่าประเด็นสำคัญจริง ๆ คือ เรื่องนี้บ่อนทำลายชื่อเสียงของอเมริกา ในการยืนหยัดเคียงข้างคนทั่วโลกที่กำลังต่อสู้เพื่อเสรีภาพ” นาวราสเตห์ กล่าวเพิ่มเติม
แม้ทรัมป์ให้เหตุผลเกี่ยวกับมาตรการใหม่ โดยชี้ให้เห็นถึงการโจมตีกลุ่มผู้ประท้วงชาวยิวในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวอียิปต์ที่ขอสถานะผู้ลี้ภัย และกล่าวว่า การโจมตีข้างต้นแสดงให้เห็นถึงอันตรายร้ายแรงต่อสหรัฐ จากชาวต่างชาติที่เข้ามาโดยไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม อียิปต์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐมาอย่างยาวนาน และเป็นผู้รับความความช่วยเหลือส่วนใหญ่ เนื่องจากความสัมพันธ์กับอิสราเอล กลับไม่เป็นประเทศเป้าหมายในคำสั่งล่าสุด
ทั้งนี้ คำสั่งห้ามการเดินทางเข้าสู่สหรัฐ มีผลบังคับใช้กับพลเมืองจาก 12 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน เมียนมา ชาด สาธารณรัฐคองโก (คองโก-บราซาวีล) อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน อีกทั้งรัฐบาลวอชิงตันยังมีคำสั่ง “จำกัด” การเดินทางเข้าสู่สหรัฐ ของพลเมืองจากอีก 7 ประเทศ ได้แก่ บุรุนดี คิวบา ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP