ภาพยนตร์สยองขวัญนั้นมีวิวัฒนาการไม่หยุดนิ่ง จากยุคของความสยองขวัญแบบคลาสสิก ที่เน้นภาพและเสียงชวนขนหัวลุก สู่ยุคสมัยใหม่ที่เจาะลึกจิตใจมนุษย์ และ “Bring Her Back” เรียกมันกลับมาหลอน คือผลงานล่าสุดที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความสยองขวัญที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ผีสางที่ปรากฏตัว แต่เป็นความดำมืดที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของมนุษย์เราเอง
Bring Her Back กำกับโดยฝาแฝด แดนนี่ และ ไมเคิล ฟิลิปปู ที่สร้างชื่อจากการเป็นยูทูปเปอร์ชื่อดังในช่อง RackaRacka ที่มีผู้ติดตามกว่า 7 ล้านคน ก่อนก้าวเข้าสู่การกำกับภาพยนตร์ จากหนังสยองขวัญเรื่องแรก “Talk to Me : จับมือผี” ต่อยอดมาถึง “Bring Her Back : เรียกมันกลับมาหลอน”

หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่ดูอบอุ่นหัวใจ เมื่อ แอนดี้ (บิลลี บาร์แร็ทท์) และ ไปเปอร์ (โซรา หว่อง) น้องสาวผู้บกพร่องทางสายตา ได้พบกับบ้านใหม่ ภายใต้การดูแลของ ลอรา (แซลลี ฮอว์กินส์) ผู้รับอุปถัมภ์ที่ดูใจดีมีเมตตา การแสดงของ แซลลี ฮอว์กินส์ นั้นไร้ที่ติ เธอสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนทางอารมณ์ของตัวละครได้อย่างน่าทึ่ง จากความอบอุ่นที่เธอแสดงออกในช่วงแรก ไปสู่ความมืดมิดที่ค่อยๆ เผยออกมาทีหลัง เธอทำให้คนดูเชื่อในตัวละครนี้ได้อย่างหมดใจ แต่ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทั้งสองพี่น้องเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กกำพร้าอีกคน (โจนาห์ เรน ฟิลลิปส์) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของลอราเช่นกัน
ความน่าสะพรึงกลัวของ Bring Her Back ไม่ได้มาจาก “ผี”, การ “Jump Scare” หรือ “ภาพหลอน” แต่มาจากการสร้างบรรยากาศที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาปกคลุมคนดูอย่างช้าๆ ความรู้สึกไม่สบายใจ ความคลางแคลงใจ และความสงสัยในแรงจูงใจของตัวละครต่างๆ ค่อยๆ สะสมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ความจริงอันบิดเบี้ยวถูกเปิดเผยออกมา

บทภาพยนตร์อันชาญฉลาดได้สร้างปมปริศนาที่ชวนให้ติดตาม การลำดับเรื่องราวที่ค่อยๆ เผยความลับทีละน้อย ทำให้คนดูต้องขบคิดและปะติดปะต่อเรื่องราวไปพร้อมกับตัวละคร ยิ่งเรื่องดำเนินไป ความบิดเบี้ยวของความลับก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และมันสั่นคลอนจิตใจคนดูได้อย่างน่าตกใจ การสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักของลอรากลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว ที่นำไปสู่การกระทำอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งเผยให้เห็นถึงด้านมืดที่สุดของความเป็นแม่ และความรักที่ผิดเพี้ยน
Bring Her Back เป็นมากกว่าแค่หนังสยองขวัญทั่วไป มันคือการสำรวจจิตใจของมนุษย์ที่บอบช้ำจากความสูญเสีย ความบิดเบี้ยวของความรัก และการกระทำที่มนุษย์สามารถทำได้ เมื่อตกอยู่ในความมืดมิดของจิตใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ท้าทายให้คนดูตั้งคำถามเกี่ยวกับความดี ความชั่ว และเส้นแบ่งที่บางเบาระหว่างความเป็นปกติกับความวิกลจริต ด้วยการกำกับที่เฉียบคม การแสดงที่ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ที่แข็งแกร่ง “หมีเช” กล้าฟันธงว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญที่ดีที่สุดแห่งปี 2025 อย่างไม่ต้องสงสัย
4.5/5
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์สยองขวัญ ที่ไม่ได้เพียงแค่ทำให้คุณสะดุ้งตกใจ แต่ยังตามหลอกหลอนอยู่ในห้วงความคิดของคุณ Bring Her Back คือคำตอบที่คุณตามหา
หมีเช