เนื้อความข้างต้นเป็นข้อมูลจากผลการศึกษา และเป็นส่วนหนึ่งจากข้อมูลที่สะท้อนไว้ผ่านบทความเรื่อง“สื่อกับความรุนแรง”โดย หมอคลองหลวง ที่เผยแพร่ไว้ใน เฟซบุ๊กสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลที่น่าพิจารณา ทั้งนี้ เรื่อง “อิทธิพลแฝงจากสื่อ” แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่…ทว่า “เรื่องเก่า ๆ เรื่องนี้ยุคนี้ยิ่งน่าคิด”

ยุคนี้ “ยิ่งมีสื่อหลากหลายรูปแบบ”

กับ “อิทธิพลที่มีต่อเด็กได้ยิ่งน่าคิด”

ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในแหล่งข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนับว่า “น่าพิจารณาอย่างยิ่ง” โดยสังเขปมีว่า… “สื่อที่มีความรุนแรง” หรือ Violent media” หมายถึง สื่อที่มีการแสดงความก้าวร้าวรุนแรง หรือทำอันตรายแก่บุคคลอื่น เช่น ทำลายข้าวของ ตบตี ทำร้ายร่างกาย หรือข่มขืน โดยที่ผู้แสดงความรุนแรงอาจเป็นคน เป็นตัวการ์ตูน หรือเป็นหุ่นยนต์ ก็ได้

สำหรับ “อิทธิพลแฝงจากสื่อที่มีต่อเด็ก”ในบทความดังกล่าวระบุไว้ว่าอาจจะมีทั้ง… 1.พฤติกรรมเลียนแบบ การเลียนแบบเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ การกระทำของเด็กส่วนใหญ่จึงมักเกิดจากการเลียนแบบ-ทำตามสิ่งที่พบเห็นแทบทั้งสิ้น จึงไม่แปลกหากเด็ก ดูการ์ตูนที่มีการชกต่อยกันแล้วเด็กทำตามด้วยการไปชกกับเพื่อน เป็นต้น, 2.สร้างความหมายใหม่ของความรุนแรง เป็นทฤษฎีอธิบายกรณี ผลระยะยาวจากความรุนแรงในสื่อ ซึ่งเมื่อเด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสื่อต่าง ๆ โทรทัศน์ เกม อินเทอร์เน็ต สื่อจึงเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่เรียนรู้ กรณีนี้อาจจะเกิดเป็นการรับรู้ความรุนแรงในความหมายใหม่…

กรณีนี้ที่พบบ่อย ได้แก่…การใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งยอมรับได้ เป็นวิธีแก้ปัญหาเป็นทางออกที่เหมาะสม?เช่น ภาพยนตร์ที่ตัวเอกเป็นฮีโร่ ได้รับการยกย่องจากการปราบเหล่าร้ายแม้จะใช้ความรุนแรง ทำร้าย ทำลาย, หากเหยื่อเป็นคนเลว การลงโทษด้วยความรุนแรงเป็นสิ่งถูกต้อง? และการแก้แค้นเป็นสิ่งน่าเชิดชู?ภาพยนตร์หลายเรื่องสร้างขึ้นแนวนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ควรใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาและละเมิดกฎหมาย, การกระทำรุนแรงต่อเพศหญิงเป็นเรื่องที่ทำได้? ตัวอย่างคือ พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วกลายเป็นคู่รักกัน โดยนางเอกก็ไม่ได้แจ้งความ กลายเป็นว่าข่มขืนแล้วได้ดีแทนที่จะถูกลงโทษ?

ถัดมา… 3.ความชาชินที่มากขึ้น หมายถึงการมีความตึงเครียดหรือความรู้สึกไม่ดีลดลง จากการดูสื่อที่มีความรุนแรง หรือ “ชิน” เมื่อชินก็จะมีผลทำให้เฉย ๆ ต่อการพบเห็นหรือกระทำความรุนแรงอีกทั้งยังทำให้มีความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่อน้อยลง ด้วย, 4.การเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว และความยับยั้งชั่งใจลดลง สื่อที่มีความรุนแรงมักกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัวหรือเร้าใจสำหรับเด็กและวัยรุ่น มีผลให้ร่างกายมีแรงกำลังมากกว่าปกติ ขณะเดียวกันหลายการศึกษาก็พบว่า สื่อที่มีความรุนแรงมีผลให้สมองส่วนหน้าที่ควบคุมความยับยั้งชั่งใจทำงานลดลง ส่งผลให้ สามารถทำความรุนแรงได้ง่ายขึ้น กว่าในภาวะปกติ

และ… 5.การกระตุ้นรูปแบบความคิดเกี่ยวกับความรุนแรง มนุษย์จะมีรูปแบบการคิดบางอย่างเก็บไว้ในความจำ ซึ่งสามารถถูกกระตุ้นได้โดยสิ่งกระตุ้นบางอย่าง โดยที่คน ๆ นั้นอาจรู้ตัวหรือไม่ก็ได้ ส่งผลให้สิ่งกระตุ้นบางอย่างอาจถูกตีความและกระตุ้นรูปแบบความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงออกมาได้ ทั้งที่ตัวสิ่งกระตุ้นเป็นเพียงสถานที่ทั่ว ๆ ไป หรือสิ่งของ ตัวอย่างเช่น บางคนเพียงแค่เห็นภาพอาวุธปืนก็อาจกระตุ้นให้เกิดความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมที่รุนแรง ขึ้นมาได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากหลาย ๆ ผลการศึกษาในเรื่องนี้ พบว่าไปในทิศทางเดียวกัน ดังที่ได้สะท้อนไว้ตั้งแต่ตอนต้น และ… กลุ่มผู้ชายยิ่งดูภาพยนตร์ที่มีความรุนแรงต่อผู้หญิงบ่อยจะยิ่งชาชิน และยอมรับได้กับการกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงมากขึ้น อีกทั้ง…การได้รับสื่อที่มีความรุนแรงในวัยเด็ก สามารถที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในช่วงวัยรุ่นได้ โดยการได้รับสื่อที่มีความรุนแรงซ้ำ ๆ ในเด็กและวัยรุ่น มีผลเพิ่มพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าวได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยความสัมพันธ์ของการสัมผัสสื่อที่รุนแรงแล้วเกิดพฤติกรรมรุนแรงตามมานั้น เทียบเท่ากับโอกาสเกิดมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่เลยทีเดียว!!” …นี่ก็เป็นข้อมูลน่าคิดน่าพิจารณา จากบทความ “สื่อกับความรุนแรง” โดย หมอคลองหลวง

อย่างไรก็ดี ในบทความที่เผยแพร่ไว้ใน เฟซบุ๊กสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ก็มีส่วนที่เป็น คำแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองในการดูแลป้องกันบุตรหลาน” ไว้ด้วย เช่น… เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรให้ดูโทรทัศน์ เด็กเล็กควรส่งเสริมให้มีกิจกรรมที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนมากกว่า เด็กโตไม่ควรให้ดูโทรทัศน์เกินวันละ 2 ชั่วโมง เด็กโตก็ควรให้ดูเฉพาะรายการโทรทัศน์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับวัย ส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมอื่น ๆ แทน เช่น เล่นกีฬา ทำงานอดิเรก อ่านหนังสือ

ไม่ควรให้เด็กมีสื่อต่าง ๆ ในห้องนอน ควรวางสื่อในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน เป็นกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ควร ดูโทรทัศน์และใช้โปรแกรมสื่อต่าง ๆ ร่วมกับเด็กเป็นโอกาสเข้าถึงความคิดเด็ก พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสอนว่าพฤติกรรมใดไม่เหมาะสมพฤติกรรมใดควรทำ ควร ติดโปรแกรมคัดกรองสื่อในคอมพิวเตอร์ เลือกเกม ภาพยนตร์ ที่เหมาะสมกับอายุเด็ก มีกฎการใช้สื่อที่ชัดเจนและปฏิบัติตามสม่ำเสมอ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กในการใช้สื่อ

เหล่านี้เป็นคำแนะนำ “ป้องกันเด็ก ๆ”

กรณี “อิทธิพลสื่อปลูกความรุนแรง”

ที่อาจ “สร้างผู้ก่อความรุนแรง” ได้!!.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์