กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับ “พรุ่งนี้กินไรดี” ที่ในสัปดาห์นี้เราจะขอพาทุกคนออกไปลิ้มลองรสชาติของ “ปลาไทย” ที่ใครจะไปคิดว่าสามารถทำออกมาได้น่าทานไม่ต่างจากการไปทานปลาดังๆของต่างประเทศเลยทีเดียว

สำหรับวันนี้เราไปกันที่ ร้าน “LAWOI’ – ละโวยจ” โดยทาง “คุณเมย์-จิรัฐฐา ค้ำพันธุ์” ได้มาบอกเล่ากับ “น้องเผือก” เองเลยว่า จริงๆแล้วชื่อร้านมีรากศัพท์มาจากคำว่า “อุรักลาโวยจ” ซึ่งมีความหมายคือ “คนแห่งท้องทะเล” โดยคอนเซ็ปท์ของร้านไม่ได้หมายถึงเพียงบุคคลแต่ยังเป็นวิถีชีวิตของชาวประมงท้องถินที่พึ่งพาทะเลในการดำเนินชีวิตภายในร้าน เพราะฉะนั้น “ละโวยจ” จึงถูกออกแบบเสมือน “ถ้ำชาวประมง” (Fisherman Cave) และมีการตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และ สนุกสนาน

สำหรับจุดเด่นของทางร้านนั้น คุณเมย์บอกว่า “เราใช้วัตถุดับที่สดใหม่จากแหล่งชุมชน เรียกได้ว่าจากมือชาวประมงทะเลภาคใต้ของไทย เน้นไปที่ปลาหายากส่งตรงถึงร้านทุกวัน แล้วนำวัตถุดิบที่ได้มาผ่านวิธีที่เรียกว่า “อิคิจิเมะ” เพื่อให้ปลาทรมานน้อยที่สุด ให้ยังคงความสดมากที่สุด เพราะเราตั้งใจที่จะยกระดับอาหารทะเลไทย ซึ่งเมื่อลูกค้ามาก็จะได้ลุ้นทุกวันว่าวันนี้ฉันจะได้ทานปลาอะไรกันนะ”

นอกจากนี้ การรังสรรค์อาหารที่ร้านได้ผ่านฝีมือของเชฟใหม่ ซึ่งเป็นอดีต Sous Chef ที่ร้าน Le Du และอดีต Head Chef ที่ร้าน Niras (Hong Kong) ก่อนที่จะกลับมาเปิดร้านละโวยจ ซึ่งเป็นความตั้งใจเดิมของเชฟที่ต้องการยกระดับอาหารทะเลท้องถิ่น โดยอาศัยความสร้างสรรค์ ความพิถีพิถัน และเทคนิคใหม่ในการปรุงอาหาร เพื่อชูรสชาติของอาหารทะเลท้อองถิ่นสาเกะ เชื่อมโยงวิถีชีวิตชาวทะเลกับสาเกญี่ปุ่นที่โดดเด่นในเรื่องการจบคูกับอาหารทะเล

เอาล่ะค่ะ มาถึงตรงนี้แล้ว เราเลยไม่รอช้า ที่จะขอลิ้มลองเมนูแรกอย่าง “ซาซึมิปลา 3 อย่าง” ในวันนี้เราได้ลอง ปลากะพงแดงแสด ,ปลาช่อนทะเล และปลาตะมะลายตอก ซึ่งนอกจากความสดจนหวานและเนื้อเด้งสู้ฟันของปลาแล้ว ทางร้านยังได้แนะนำวิธีการทาน โดยเริ่มจากกินเนื้อปลาสดๆ เพื่อสัมผัสรสชาติและความสดของปลาก่อน หลังจากนั้นค่อยเป็นการจิ้มเกลือ โชยุ วาซาบิและซีฟู้ดตามลำดับ บอกเราว่าเป็นการลองชิมเนื้อปลาไทยได้อย่างหลากหลายรสชาติในแบบที่เราไม่เคยนึกถึง

“หนวดปลาหมึกย่าง” เป็นเมนูที่นำหนวดปลาหมึกที่นำไปหมักกับเคยจนได้รสหวานชุ่มทานคู่กับน้ำจิ้ม แต่ความพิเศษยิ่งกว่าเคยก็คือมีการนำมะปี๊ดเข้ามาเมื่อบีบทานคู่แล้วจะได้ความหวานและสดชื่นอย่างกลมกล่อม แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบจิ้มก็สามารถจิ้มซีฟู๊ดก็แซ่บนัวไปอีกแบบ

“ปลากุสลาดย่าง” ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้ ตัวปลากุดสลาดที่หาทานได้ยาก ได้นำไปย่างพร้อมราดด้วยซอสเลม่อนบัตเตอร์ มาหอมหวานกำลังดี ยิ่งได้ทานคู่กับโชยุ ก็จะได้รับอีกหนึ่งรสชาติที่เข้มข้นขึ้น เป็นการตัดเลี่ยนได้อย่างดี

“หอยท้ายเภานึ่งซอสผัดฉ่า” เมนูที่หาทานยากโดยเฉพาะหอยท้ายเภา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งหอย” ทางร้านได้นำเสนอตัวใหญ่สดหวาน ยิ่งได้ทาน คู่กับเครื่องผัดฉ่ายิ่งชูความหอมสดชื่นของสมุนไพรและตัวหอยออกมาได้อย่างดี

“ข้าวอบปลา” ทางร้านจะมีความพิเศษตรงที่ข้าวใช้ข้าวดอย ซึ่งจะมีความเรียว สั้นและนุ่ม เมื่อไปผัดคู่กับข้าว ซอสโชยุและเห็ดโคน ทานคู่กับปลาประจำวันของทางร้านซึ่งวันนี้เราได้ลองเป็นปลาอินทรีย์ ที่นำไปผ่านวิธีการอิคิจิมะ และดราเอจเพื่อให้ได้ความสดและคงคุณภาพตัวปลา บอกเลยว่าแค่เปิดฝาออกมาก็ได้พบกับกลิ่นของความอร่อยนำหน้ามาแล้วค่ะ

“ยำใบชาดองปลาย่าง” เราได้ลองจะเป็นปลาอินทรีย์ซึ่งเมนูนี้ ทางร้านบอกกับเราว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากยำใบชาประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “เมียนมา” นำมาผสมผสานเข้ากับปลาไทยเพื่อให้ได้การชูรสชาติที่มากขึ้นไปอีกกว่าเดิม

“ซุปกุ้งลายเสือ” ที่เด็ดของเมนูนี้ อยู่ที่น้ำซุปซึ่งได้ความหอมเข้มข้นจาก “เคย” ของโคลนนำมาย่าง ผสมผสานกับความหอมของกุ้งลายเสือขึ้นมาอย่างโดดเด่น และอีกหนึ่งความพิเศษของซุปนี้ ข้างในจะมีใบชะครามช่วยชูรสชาติของกุ้งมากยิ่งขึ้น ตัวน้ำซุปหอมกลิ่นมันกุ้ง
นอกจากเมนูของคาวที่ทางร้านทำมาได้อย่างดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ “น้องเผือก” แนะนำว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงคือเมนูของหวานอย่าง “โทสต์มัทฉะไอศกรีมนมสด” และ “ช็อกโกแลตลาวากับไอศกรีมนมสม” บอกได้ว่าทำถึงทุกคำที่ได้ลิ้มลอง!
สำหรับใครที่อยากตามรอย “พรุ่งนี้กินไรดี” สามารถไปกันได้ที่ “LAWOI’ – ละโวยจ” เวลา สินธร วิลเลจ สํารองที่นั่งล่วงหน้าร้าน ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 082-052-1688 หรือทาง อีเมล [email protected]..
………………………………………..
คอลัมน์ : “พรุ่งนี้กินไรดี”
โดย “น้องเผือกรสแซ่บ”