การเมืองตอนนี้จำลองได้เปรียบเสมือนสนามรบ ทั้งค่าย “แดง น้ำเงิน” งัดทุกกลยุทธ์ ฟาดกันนัว หลังสว.ล็อตแรก ตบเท้าเข้ารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว. ต่างฝ่ายก็ถือธงรบส่งตัวแทนออกมากรำศึก สู้กันมันหยด จนกว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแรง เห็นได้ชัดเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง “นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ”

 ภาพที่ปรากฏสอดรับกับที่บรรดาส.ว. สีน้ำเงิน ตบเท้า เข้ามารับทราบชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนคณะที่ 26 ที่กกต.ตั้งขึ้นมาเป็นคณะพิเศษ มีร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.เป็นประธานและมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้ามาร่วมด้วย กรณีมีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฏว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 มาตรา 77 (1) และมาตรา 62 (คดีฮั้วเลือก สว.)

ขณะที่ทางดีเอสไอเอง ก็ทำคดีคู่ขนานไปด้วย ปรากฏพบเส้นเงิน 500 ล้านโยงใย นำไปสู่ข้อกล่าวหา คดีฟอกเงิน อั้งยี่ ซ่องโจรด้วย  จึงนำไปสู่การออกหมายเรียกสว.ตัวเป้งๆ

ล่าสุดมีชื่อสว.หลุดมา 24 คน ที่จะต้องถูกเรียกให้มาชี้แจงเป็นล็อตที่ 3 ในวันที่ 29-30 พ.ค.นี้ 

งานนี้จะเห็นว่า คณะกรรมการชุดที่ 26เครื่องร้อน เร่งทำสำนวนพร้อมส่งมือมืด ออกมาตีปี๊บกระพือข่าว แม้ศาลสั่งให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนการดูดีเอสไอ แต่รัฐบาลก็ไม่รอช้าตั้งมือกฎหมายอย่าง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นรักษาการทำหน้าที่แทนทันที

พร้อมออกตัวว่า “มาแค่รักษาการ ยืนยันไม่ได้กังวลอะไรที่ต้องมาดูเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.เพราะเจ้าหน้าที่กำลังทำหน้าที่ตามระบบ เราต้องดูให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบ ส่วนคนจะมองว่าเป็นเรื่องการเมือง ก็หลับตาซะว่าไม่มีการเมือง แล้วมันจะสบายขึ้น

นอกจากนี้ยังได้เห็นภาพนักร้องซ่อนเงื่อนออกมาเปิดศึกนิติสงครามใช้กฎหมายจ้องทิ่มฝ่ายตรงข้ามเริ่ม ตั้งแต่ กลุ่มส.ว. สำรองเจ้าเดิมจัดอีเว้นท์เกาะติดการทำหน้าที่กกต.ที่นำโดยพล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว

 ล่าสุด “เจ๊แมว” นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ก็เป็นอีก 1 คนในสว.สำรอง ที่ใครๆก็รู้มีสายแนบแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ที่เล่นบทแรงเปิดเกมรุก ยื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อพิจารณาส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบ พรรคภูมิใจไทย เหตุเกี่ยวโยงกับการฮั้วเลือกสว. อ้างมี หลักฐานมัด แกนนำในพรรคค่ายสีน้ำเงิน เข้าข่ายกระทำผิดข้อหาอั้งยี่ มีทั้งเส้นเงิน และคลิปเสียงของหัวหน้าพรรค เรียกคุย สว.ที่โรงแรมดังแห่งหนึ่งกลางกรุงฯ หลังกระบวนการเลือก สว.เสร็จสิ้น

พร้อมกันนี้ยังหนีบเส้นทางการเงิน แฉถึง กระบวนการฮั้วเลือกสว. โยงถึง  “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยลูกชายหัวแก้ว หัวแหวนของคนบ้านใหญ่บุรีรัมย์

ขณะเดียวกัน ยังมี “ณฐพร โตประยูร” นักร้องเรียนทางการเมือง ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อพิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย  ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (1) มีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครอง หรือได้มาซึ่งอำนาจการปกครองไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย  และ 92 (2) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากกรณีอาจเกี่ยวข้องกับการเลือก สว.

“มีรายชื่อ และรายละเอียดทั้งหมดว่าใครเป็นเจ๊ใหญ่ ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รับเงินมาอย่างไร และมีบรรดาหัวหน้าคนในจังหวัดต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้ สว.เพิ่มจาก 2 คนก็มีการจ่ายหัวละ 2-7 ล้านบาท ข้อมูลเส้นทางการเงินดีเอสไอมีหมด กลัวอยู่ 2 คนที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไป คนหนึ่งเป็นพลเอก ส. และอีกคนหนึ่งเป็นนาย ส. ที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองตั้งแต่หลังรัฐประหาร”นายณัฐพร กล่าว

ทำเอาบรรดาสว.ตัวตึง สีน้ำเงินปักหลักสู้ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อกกต.ขอให้สั่งคณะกรรมการไต่สวนสอบสวนคณะที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ ทำสำนวนรั่ว สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติยศของผู้ถูกกล่าวหา ทำให้เข้าใจว่าเป็นผู้กระทำผิด ทำประเทศเสียหายส่งผลต่อรูปคดี

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยโดย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สั่งทีมทนายความแกะเทปรวบรวมหลักฐานฟ้องนางกุสุมาลวตี สว.สำรอง หลังออกมาให้สัมภาษณ์พาดพิงพรรคภูมิใจไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือกสว.

เรื่องนี้ใครๆก็มองว่า ปัญหาเกิดเพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง จึงหาเหตุขึ้นมาเพื่อต่อรองเกมทางการเมือง หากสมประโยชน์ก็จะ กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ดังนั้นประชาชนต้องจับตาดูว่าเรื่องนี้จะสามารถทำความจริงให้กระจ่างเป็นที่ประจักษ์ได้หรือไม่ สุดท้ายก็แล้วต้องไปดูที่คณะกรรมการฯ จะชงเรื่องให้สำนวนอย่างไร จะสามารถจับคนผิดมารับโทษได้หรือไม่

ส่วนที่สภาสูงก็ซัดกันเอง นันทนา นันทวโรภาส” สว.พันธุ์ใหม่ เร่งเปิดเกมล่า 20 รายชื่อส.ว.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ให้สว.ที่ถูกร้องยุติการปฎิบัติหน้าที่ เพราะมีการลักไก่ นำวาระการพิจารณาองค์กรอิสระเข้ามาแทรกในการประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 30 พ.ค.เพื่อเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ อาจขัดแย้งผลประโยชน์อย่างรุนแรง เพราะ สว.เสียงข้างมากถูกกล่าวหาว่าเข้าสู่ตำแหน่งโดยมิชอบ และหากศาลมีคำพิพากษาให้ สว.ที่เป็นเสียงข้างมากมีความผิด จะทำให้ผลแห่งการลงมติของผู้ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กลายเป็นมรดกบาป ที่ สว.ได้ทิ้งไว้ให้กับประเทศชาติหรือไม่

พร้อมบอกที่ต้องออกมาแถลงข่าวใช้วิธีนี้ประกาศอีกครั้ง เพราะถือว่าเป็นวิถีทางที่ให้ประชาชนเห็น เป็นพลังร่วมกันที่จะจับตาดู เพราะหากยื่นผ่านประธานสว.ก็ดูว่าจะล่าช้า”

สาเหตุที่ต้องเปิดศึกเป็นเกมต่อรองในการเจรจาผลประโยชน์ของค่าย “แดง-น้ำเงิน” จะเห็นได้ว่านโยบายเรือธงร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ยังเป็นปมปัญหา มีแรงต้านหลายภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าจะเกิดผลเสียต่อประเทศไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นข้ออ้างให้“พรรคภูมิใจไทย”หยิบฉวยมาเป็นเกม พร้อมสนับสนุนหากทำประชามติแล้วประชาชนเห็นด้วย 

ขณะที่สว.ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ เมื่อสแกนดูบุคคลที่เข้าร่วมแล้ว เป็นตัวตึงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยทั้งนั้น ไม่ต้องศึกษาก็รู้ว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร ไม่เห็นด้วยกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แน่นอน

งานนี้ก็ไม่ใช่เฉพาะกาสิโน แต่ว่ากำลังจะลามไปสู่เกมเอาคืน ของพรรคเพื่อไทยที่ตั้งป้อมรุกคืบแว่วๆว่าเตรียมดึงเรื่องการนำกัญชาเข้าเป็นยาเสพติดเข้ามาพิจารณาอีกระลอก

ตอนนี้พรรคเพื่อไทยต่อสู้เข้าสู่โหมดมีปัญหาแต่ไม่ไร้ไมตรี แม้หน้าฉาก“ทักษิณ” จะออกมาชม“อนุทิน” ว่าดูแล “นายกฯอิ๊งค์” เป็นอย่างดีไม่มีอะไรกัน ถือเป็นบทพิสูจน์การเมืองที่อยู่กันอย่างตบจูบได้เป็นอย่างดี

ขณะที่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 วาระแรก วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ในวันที่ 28-31 พ.ค. “นายกฯอิ๊งค์”บอกมั่นใจทุกพรรคร่วมไม่มีแตกแถว ให้ความเห็นชอบ ได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรคแล้ว ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ

ฟาก“ตระกูลชินวัตร” เจอนิติสงครามถล่มไม่ยั้งเช่นกัน “นายใหญ่ทักษิณ” จากวิบากกรรม ชั้น 14 ที่ศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายน  จะต้องรอดูว่าเกมนี้จะพลิกได้เอาตัวรอดได้อย่างไร เพราะ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาได้ตั้ง 10 อรหันต์ขึ้นมาพิจารณาผลจากแพทยสภาที่ชี้มูลลงโทษ 3 หมอที่รักษาทักษิณ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า กรรมการชุดที่นายสมศักดิ์ ตั้งขึ้นนั้น มีผู้ที่มีความเชื่อมโยง ออกมาปกป้อง “ทักษิณ ชินวัตร” เกี่ยวกับการรับโทษตามกฎหมาย ดังนั้นจึงมีการตั้งคำถามว่า การที่เข้ามาร่วมอยู่ในชุดที่ต้องพิจารณามติของแพทยสภาครั้งนี้ เป็นเรื่องไม่เหมาะสมหรือไม่

ขณะที่ “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ชดใช้  ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท ชี้ พฤติการณ์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง ทำดีลลับกลับบ้านต้องเลื่อนออกไป

การเมืองตอนนี้มีแต่เรื่องรบกันไม่ได้ มีการพูดถึงประชาชนเลย ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ได้ดี ยิ่งเจอกำแพงภาษีทรัมป์เอฟเฟกเงินหมื่นจำเป็นต้องสะดุดส่อแววชวด สิ้นค้าเกษตรตกต่ำ ยอดหนี้เอ็นพีแอลก็ขึ้นเรื่อยๆ

หากเวลาอย่างนี้การเมืองเลือกที่จะทิ้งประชาชน เมื่อสุดวิสัยประชาชนทนไม่ได้จริงๆ ประชาชนก็พร้อมที่จะทิ้งรัฐบาลได้เช่นกันทำอะไรกันก็คิดถึงหัวประชาชนด้วย.