โดดเด่นและเป็นที่พูดถึงหนักมากสำหรับซีรีส์วายสุดปังเรื่อง The Bangkok Boy Series ที่ชวนคนหล่อมาอวดความเท่แบบกระชากใจ อุ๊ย! ชวนคนหล่อมาอวดเคมีดีต่อใจให้แฟนๆกรี๊ดกัน งานนี้ก็เป็นไปตามคาดเพราะคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง เทป วรชัย และ โจ ชีฮยอน นั้นปังมากๆจนแฟนๆชื่นชอบตั้งแต่เริ่มเปิดโปรแกรมว่าทั้งสองคนจะแสดงด้วยกันในเรื่องนี้ พอมีโอกาส yimyim เลยไม่พลาดไปคว้าตัวสองหนุ่มมาอัพเดทการทำงานในเรื่องนี้สักหน่อย

ทักทายแฟนๆสักหน่อย?

เทป : “สวัสดีครับ ผมเทป วรชัย ศิริคงสุวรรณ จากซีรีส์ “The Bangkok boy” ในเรื่องเทป รับบทเป็นซันครับ

โจชีฮยอน : “สวัสดีครับ ผมชื่อชีฮยอนครับ ผมรับบทพีทครับ พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยนะครับ(ยิ้ม)“

คาแรกเตอร์ที่ได้รับเป็นแบบไหน ?

เทป : “คาแรกเตอร์ของเทปที่ได้รับ ได้เป็นซัน ซึ่งซันจะเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง เวลาจะทำอะไรหรือจะพูดอะไรออกมาเค้าจะต้องคิดให้ดีก่อน เพราะว่าเขาเป็นคนที่กลัวเรื่องของผลกระทบ ที่จะตามมาหลังจากที่พูดออกไป และเป็นคนที่ต้องดูแลน้องครอบครัว และจะมีครอบครัวสองครอบครัว คือจะมีลูกพี่ลูกน้องของแม่อีกฝั่งนึง คือลึกๆ แล้วซันเป็นคนมีปมภายในใจประมาณนึง และเป็นบทนี้ผมรู้สึกค่อนข้างแตกต่างจากตัวคาแรกเตอร์ของเทป เพราะว่าค่อนข้างจะดูซีเรียสมาก แต่ชีวิตจริงเราไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เป็นคนสนุกสนานเฮฮาเรื่อยๆ ผมเองก็ต้องทำการบ้านเยอะ เพราะตอนแรกที่ถ่าย คือจำได้เลยว่าช่วงแรกๆ ที่ถ่ายด้วยความที่เป็นคนติดใช้มือ อาชีพผมคือการเป็นพิธีกรด้วย เวลาเราสื่อสารมันจะใช้มือ เราก็เป็นคนเอนเตอร์เทนเก่ง พอเราพูดแล้วเราใช้มือคือสั้นในเรื่องพี่เขาบอกว่าต้องไม่ใช้มือเลย ต้องคนที่ยืนพูดแล้วนิ่ง ค่อยๆ ปรับ มันก็จะหาอิริยาบถในการคอนทัวร์ร่างกายได้ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ชินแล้วประมาณนึง”

ชีฮยอน  : “ชื่อว่าตัวละครที่ได้รับบทชื่อว่าพีท ซึ่งความหมายของชื่อตัวละคร แปลว่าความสงบสุข แต่ว่าในชีวิตของตัวละครจริงๆ แล้วมันไม่ได้สงบสุขขนาดนั้นเพราะว่า ต้องไปเจอกับเรื่องราวมากมายที่ต้องเผชิญ และต้องไปเจอกับซันที่ช่วยพากันเอาตัวรอดไปกับสถานการณ์นี้”

บทของชีฮยอนมีความคล้ายคลึงกับชีวิตจริงไหม ?

ชีฮยอน  : “รู้สึกว่าตัวละคร จะเป็นคนที่รักสงบ ซึ่งตัวผมก็เป็นคนที่รักสงบ แต่ผมก็คิดว่าคนบนโลกนี้คงไม่มีใครที่ไม่รักสงบ”

สำหรับเรื่องนี้เทปตัดสินใจแคสติ้งเองหรือว่ามีผู้ใหญ่ติดต่อไป ?

เทป : “มีรุ่นพี่ทักมาบอกว่า พี่มีโปรเจ็กต์นึง ชื่อเรื่องว่า “The Bangkok boy” เป็นเกี่ยวกับเด็กในกรุงเทพ และไปเจอกับฝั่งเกาหลี ผมก็เลยลองมาแคสดู แล้วก็แคสได้ คือต้องบอกว่าเป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของผมด้วย อาจจะเคยมีเล่นซีรีส์วายมาก่อนแต่ว่าผมไม่ได้มีคู่ แต่เรื่องนี้มีคู่เป็นเรื่องแรก และตัวหลักของเรื่องด้วย พอได้รับบทนำในเรื่องก็กดดันมาก เพราะว่าเราเล่นหนังมาหลายเรื่องเหมือนกัน มันก็ไม่เคยได้เป็นพระเอก ส่วนมากหนังที่เราเล่นมันก็จะฟิวแบบเป็นแก๊งค์ เราก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเล่นแล้วเรามาเป็นตัวหลักของเรื่องมันก็ค่อนข้างที่จะดูจริงจัง ดูเครียดเหมือนกัน“

ด้านชีฮยอนทำไมถึงตัดสินใจเล่นซีรีส์เรื่องนี้?

ชีฮยอน : ”คือตอนแรกตัดสินใจมาอยู่ที่ไทยประมาณหนึ่งเดือน ลองมาใช้ชีวิตที่ไทยหนึ่งเดือน แล้วคราวนี้ผมรู้จักกับ “ชเว ซึงโฮ” ที่เล่นเรื่องนี้เหมือนกัน เขาแนะนำ ให้ลองมาออดิชั่นที่นี่ดู ก็เลยได้มาเล่นเรื่องนี้“

ส่วนแนวของซีรีส์เรื่องนี้คือแนวอะไร ?

เทป : ”ผมว่ามันเป็นแนวออกทางโทนดาร์ค คือมีความดราม่าเยอะ มีความแอ็คชั่น บู๊ ต้องบอกก่อนว่าอาจจะไม่ได้เสิร์ฟวายอย่างเรื่องอื่นๆ แต่อาจจะมีโมเมนต์นิดๆ หน่อยๆ แต่เชื่อว่าจังหวะที่เราเสิร์ฟไปให้คือถึงแน่นอน คือเป็นวายอีกเวอร์ชั่นนึงที่สามารถฟินได้ คืออยากให้ทุกคนลองเปิดใจดูว่าถ้ามันเป็นวายในเวอร์ชั่นแบบนี้ มันอาจจะให้ประสบการณ์ในรูปแบบนึงก็ได้ ต้องลองดู“

ซีรีส์เรื่องนี้มีการแสดงของนักแสดงไทยและเกาหลี  การร่วมงานกัน มีจุดไหนที่ยากสำหรับการทำงานของทั้งสองคนบ้าง?

ชีฮยอน  : ”ที่รู้สึกว่าเรื่องที่ค่อนข้างยากมากในการถ่ายทำก็คือเป็นในเรื่องของภาษา เพราะว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ต่อให้มีล่ามแต่ว่าการสื่อสารบางส่วนมันก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจยากอยู่ก็ดี”

เทป : ”เหมือนกันเลย ภาษาสำคัญมาก เพราะตอนแรกที่รู้ว่าฝั่งที่จะมาเป็นคู่ผมเขาเป็นเกาหลี ผมก็ถามคำถามแรกกับทางทีม ว่าเค้าพูดไทยได้ไหม ทีมบอกว่าพูดไทยไม่ได้เลย เราก็เลยหนักใจว่าถ้าพูดไทยไม่ได้เขาจะสื่อสารยังไง จะพูดยังไง เราจะพากย์ทับหรอ เราก็คิดว่ามันจะออกมาดีไหม จะออกมาโป๊ะหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วช่วงเวลาที่มันมีน้อยก็จริง แต่การทำงานของเขา อันนี้ต้องนับถือเขาเลยว่าการทำงานของชีฮยอนก็คือตั้งใจมากๆ ในการที่จะเรียนรู้ภาษาให้ไวถึงอาจจะไม่ได้พูดเป็นภาษาไทยได้แต่เขาพยายามเข้าใจว่าในซีนนั้นภาษาที่เขาพูดออกไปมันแปลว่าอะไร ความรู้สึก อารมณ์มันคือยังไง คือเขาพยายามจำแค่ตรงนั้นให้ได้ แล้วเขาก็มาคุยกับผม ผมก็พยายามให้เขาสบายๆ ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวถ้ามันเครียดจะยิ่งจำอะไรไม่ได้เลย ก็ให้เขาปล่อยไหลไปของเขาเรื่อยๆ ถือว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรนะ“

ชีฮยอนมาปรึกษาเราตลอดเลยใช่ไหม ถ้าเกิดไม่เข้าใจในส่วนไหน ?

เทป : “ก็มาปรึกษาเรื่อยๆ ก็จะมีน้องล่ามที่คอยแปลให้ว่าอันนี้มันแปลว่าแบบนี้นะ แต่ด้วยความที่คนไทยมันจะมีคำแสลง หรือบางทีเราพูดออกมาเป็นความรู้สึกแบบคำพูดไม่ได้ เราก็พยายามที่จะสื่อสารตรงนั้นให้เขาอันนี้ถือว่าเป็นนิดนึงที่เป็นอุปสรรค คือผมก็ไม่รู้ว่าวัฒนธรรมของคนเกาหลีเขามีแบบเราไหม ตอนแรกอาจจะเป็นอุปสรรค แต่หลังๆ มามันถูกละลายหมดแล้ว ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่กล้าคุยกับเรา คือเหมือนเวลานั่งพักเบรคเขาก็จะไปนั่งอีกฝั่งนึงไทยก็จะนั่งอีกฝั่งนึง แต่พอช่วงหลังมาก็มีการร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน แชร์ประสบการณ์ด้วยกัน ก็สอนกันไปถามอะไรไปเรื่อย มันก็ดูเป็นการละลายพฤติกรรมได้ดีครับ”

การที่ได้มาร่วมแสดงซีรีส์ของเมืองไทยรู้สึกยังไงบ้าง ?

ชีฮยอน  : “สัมผัสได้เลยหลังจากที่ทำงานที่ไทย คือที่ไทยกับเกาหลี การทำงานค่อนข้างต่างกัน เพราะว่าคนที่นี่ใจดีกับทุกคนเลย ไม่มีใครที่ใจร้ายใส่ผมเลย อีกอย่างนึงก็คือพี่เทป ก็ช่วยให้ผมทำการแสดงได้ดีมากขึ้น ผู้กำกับเองก็คือคอยช่วยผมตลอด ไม่ค่อยติผมมากเท่าไหร่”

เทป : “พอวัฒนธรรมของคนเกาหลีการทำงานเขาดูเข้มข้นกว่าบ้านเรา บ้านเราจะมีการถ้อยทีถ้อยอาศัย ผิดก็เอาใหม่ แต่ถ้าเกิน 10 เทคก็เริ่มตึงแล้วเหมือนกัน แต่ที่นี่เป็นฟิวแบบนักแสดงพร้อม ทุกอย่างในการทำงานมันพร้อม ทุกอย่างมันก็สมูทไปหมด มันก็เลยไม่มีปัญหา”

การมาแสดงร่วมกันมีการแลกเปลี่ยนภาษากันไหม ?

เทป : “มี แต่อาจจะไม่ใช่เป็นผมซะทีเดียวที่เป็นคนสอน ก็อาจจะมีฝั่งไทยแลกกัน ฝั่งไทยก็จะสอนภาษาไทยให้กับฝั่งเกาหลี ส่วนฝั่งเกาหลีก็จะสอนภาษา เกาหลีให้กับฝั่งไทย มันเป็นธรรมเนียม”

เทปลองสอนภาษาไทยให้กับชีฮยอนสักนิดนึง ?

เทป : “ซัพพอร์ต ชีฮยอน หน่อยได้ไหมครับ”

ชีฮยอน :  “ซัพพอร์ต ชีฮยอน หน่อยได้ไหมครับ”(ยิ้ม)

การบินมาไทยในครั้งนี้ประทับใจอะไรมากที่สุด ?

ชีฮยอน : “ตอนช่วงที่มาอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ผมไปวัดอรุณฯ เพราะว่าชอบพวกสถาปัตยกรรมที่สวยๆ แล้วผมเห็นในโซเชียลมีเดียเป็นรูปวัดอรุณฯสวยดี ผมก็เลยได้ลองไปแล้วรู้สึกว่าพอเห็นอะไรสวยๆ ผมรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น และอีกอย่างหนึ่งคือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่อยุธยาไม่ได้ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้นะครับ ตอนนั้นผมมีโอกาสได้ไปถ่ายรายการท่องเที่ยวและไปกับเขา ก็พาเขาไปไหว้พระที่อยุธยา และพาขี่ช้าง เขาบอกว่าสวยมาก เพราะเขาชอบสถาปัตยกรรมที่มันดูเก่าๆ ดูโบราณๆ หน่อย คืออยุธยาตอบโจทย์ แต่กลัวช้างนะ(หัวเราะ)”

ชีฮยอน  : “คือเพิ่งเคยเห็นช้างครั้งแรกตอนไปอยุธยา คือที่เกาหลีไม่มี เพราะแบบนั้นเลยถึงได้กลัว”

ฟีดแบ็กจากทางฝั่งไทยและเกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง?

เทป : “ของผมก็มีน้องๆ เริ่มทักมาบ้างแล้วถามว่าซีรีออนวันไหนออนเมื่อไหร่ เราก็เริ่มโปรยไปแล้วว่าเริ่มวันที่เท่านี้นะ ก็ได้ฟีดแบ็กที่โอเคแล้วค่อนข้างที่จะเซอร์ไพรส์เพราะว่า น้องๆ บอกว่าติดตามผมมาตั้งแต่เล่น ม. 6/5 แล้ว แต่ไม่เคยเห็นผมเล่นในเวอร์ชั่นแบบซีรีส์วาย  ซึ่งเขาก็รอที่จะดูเหมือนกัน“

ชีฮยอน : “เพื่อนที่เกาหลี ถามว่ามาทำอะไรที่ไทย ก็บอกเพื่อนๆ ไปเยอะ เพราะว่าเพื่อนๆ ก็ดูตัวอย่างของซีรีส์เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน”

แฟนๆ จะได้เห็นฉากเลิฟซีนโรแมนติกอะไรไหม?

เทป : ”มีเลิฟซีน และฉากเลิฟซีนนี่แหละที่ปลดล็อกการแสดงของเรา(ยิ้ม) เพราะไม่เคยเล่นอย่างนี้ ผมก็ไม่เคยเล่นเลิฟซีนกับผู้หญิงเหมือนกัน แต่มาเลิฟซีนกับผู้ชายก่อนด้วยซ้ำ คือเป็นครั้งแรกของผม เขาก็เป็นคนแรกของผมในเรื่องของเลิฟซีน”

เล่นด้วยกันมีเขินบ้างไหม?

เทป : “ผมไม่เขินนะ แต่ก็อาจจะมีแว๊บขึ้นมาในหัว ว่าจะเล่นยังไงดี พอถึงเวลาผมก็ซัดเลย”

ชีฮยอน : “แอบรู้สึกว่ายากนิดนึง(ยิ้ม) แต่พอผ่านครั้งแรกไปก็รู้สึกว่าก็ไม่แย่ เพราะครั้งแรกมันค่อนข้างจะตู้มเดียวหนักไปเลย พอครั้งต่อไปมันเลยดูเบาไปเลย“

เหตุผลที่แฟนๆ ไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่อง “The Bangkok boy”คืออะไร?

เทป : “เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีความใหม่ มีความบู๊ ดราม่าในเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่ได้เสิร์ฟหวาน แต่อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ เอาจริงๆ ผมก็แอบกลัวนิดๆ ว่า พอเราได้กลับไปทำการบ้านซีรีส์วาย ส่วนมากเขาก็จะเป็นฟิวแบบน่ารักๆ แต่ซีรีส์เรื่องนี้คือเปิดมาผมก็ติดคุกเลย มันอาจจะไม่ได้แมสขนาดนั้น ก็เลยกลัวว่าน้องๆ จะเปิดใจไหมกับซีรีส์แบบนี้ อยากให้เปิดใจลองดูมีความสนุกสนานในรูปแบบหนึ่งของซีรีส์วาย”

ชีฮยอน : “The Bangkok boy” มีเนื้อเรื่องที่สนุกมาก สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูซีรีส์วาย หรือยังเข้าไม่ถึงกับซีรีส์วายเท่าไหร่ ก็แนะนำให้ลองดูเรื่องนี้เพราะว่าค่อนข้างจะต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่นๆครับ ฝากติดตามนะครับ”

แหม..ยิ่งพูดยิ่งอยากดู ยังไงแฟนๆที่ยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ต้องไปดูแล้วล่ะจ๊ะ รับรองฟินจิกหมอนแน่นอน


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย yimyim