จู่ๆ ก็เป็นข่าวดังขึ้นมาในแวดวงการค้าข้าว เมื่อ “นายหน้าค้าข้าว” หรือ “หยง” เบี้ยวเงินของโรงสีข้าวไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท แล้วหายตัวเข้ากลีบเมฆ ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน สร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของโรงสีข้าวหลายราย

ทีมข่าว Special Report จับเข่าคุยเรื่องดังกล่าวกับ นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล หรือ “กำนันบัญชา” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม และเป็นเจ้าของโรงสีข้าวขนาดใหญ่ใน อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จังหวัดที่เพาะปลูกข้าวได้ผลผลิตมากที่สุดในประเทศไทย

นายบัญชากล่าวว่าทั่วประเทศไทยมีโรงสีข้าวจำนวนหลายร้อยโรง แต่มี “ผู้ส่งออกข้าว” รายใหญ่ที่ทำธุรกิจส่งออกข้าวอย่างชัดเจน เป็นเรื่องเป็นราว ประมาณ 10 รายเท่านั้น ส่วน“หยง”  ในปัจจุบันมีประมาณ 20 ราย แต่เป็นหยงที่มีคุณภาพ เชื่อถือไว้ใจได้ น่าจะมีประมาณ 10 ราย

“หยง” คือ คนกลางระหว่างโรงสีข้าวกับผู้ส่งออกข้าว ซึ่งเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว ตนก็ใช้บริการหยงมาโดยตลอด เป็นหยงขาประจำที่มีมาตรฐาน ไว้วางใจได้ ไม่เคยมีปัญหาอะไร

ทำไมต้องมี “หยง” โรงสีข้าวขายข้าวสารให้กับผู้ส่งออกข้าวโดยตรง ไม่ต้องผ่านหยงไม่ได้หรือ?

นายบัญชากล่าวว่าไม่ได้! เนื่องจากในธุรกิจค้าข้าว เขามีเครดิตกัน 30-45 วัน คือโรงสีขายข้าวสารไปแล้ว อีก 30-45 วัน ผู้ส่งออกข้าวถึงจะจ่ายเงิน โดยช่วงเวลานานขนาดนี้โรงสีข้าวรอไม่ไหว ไม่ได้มีสภาพคล่องได้นานขนาดนั้น เพราะโรงสีข้าวต้องมีเงินทุนไปหมุนเพื่อซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ของโรงสีข้าว

เมื่อขายข้าวไปแล้ว 30-45 วันจึงได้เงิน ปัญหานี้ไม่รู้จะแก้อย่างไร? โรงสีข้าวจึงต้องขายผ่าน “หยง” เพราะได้เงินมาเลย 80% ส่วนอีก 20% รอรับตอนที่ผู้ส่งออกข้าวจ่ายเงินมาแล้ว (30-45วัน)

สมมุติถ้าขายข้าวสาร มูลค่า 1,000,000 บาท ผ่านหยง หยงจะจ่ายเงินให้โรงสีข้าวทันที 800,000 บาท ส่วนอีก 200,000 บาท (20%) รออีก 30-45 วัน ให้ผู้ส่งออกข้าวจ่ายเงินมาก่อนแล้วโรงสีข้าวจึงได้รับเงิน โดยหยงจะได้ค่าบริการ 1% หรือ 10,000 บาท จากโรงสีข้าว ส่วนที่มีการเบี้ยวกัน คือส่วน 20% ที่ผู้ส่งออกข้าวจ่ายมาแล้ว แต่หยงไม่นำไปจ่ายให้โรงสีข้าวนั่นเอง

แต่โรงสีข้าว 1 แห่ง ขายข้าวผ่านหยงเป็นมูลค่าสิบๆล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เมื่อรวมกันหลายๆโรงสี จึงเป็นเงินที่เบี้ยวกันไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เท่าที่ทราบโรงสีข้าวในภาคอีสานถูกเบี้ยวกันหลายราย และเป็นข้าวสารหอมมะลิที่มีมูลค่าสูง

ตอนนี้ยังตามหาตัว “หยง” ที่เบี้ยวเงิน รู้จักชื่อกันดี แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ส่วนการติดตามทวงถาม หรือการแจ้งความดำเนินคดีมันต้องใช้เวลานาน เพราะเป็นเรื่องทางแพ่ง สมมุติถ้าเจอตัวก็ไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนมาครบหรือไม่ อีกกี่เดือน กี่ปี?

นี่คือปัญหาที่โรงสีข้าวหลายแห่งกำลังเผชิญอยู่ นอกเหนือจากปัญหาราคาข้าวสารตกต่ำ ทำงานแล้วขาดทุนเข้าเนื้อ แถมยังต้องมาเจอปัญหาหยงเบี้ยวเงินอีก ซึ่งนานๆ จะโผล่มาที!

“เจ้าของโรงสีข้าวต้องเลือกหยงกันให้ดีๆ ควรใช้บริการหยงที่ไว้ใจได้ เพราะช่วงหลังๆ มีนายทุนลงเงินกัน 400-500 ล้านบาท เพื่อทำหยง เนื่องจากมีรายได้ดี นอกจากได้ค่าบริการ 1% ของมูลค่าข้าวสารจากโรงสีข้าวแล้ว หยงบางแห่งยังไปเจรจาต่อรองราคากับผู้ส่งออกข้าว เพื่อกินส่วนต่างของราคาข้าวสารที่โรงสีข้าวขายให้กับผู้ส่งออก หยงกินส่วนต่างแค่กิโลกรัมละ 0.50-1 บาท ก็กลายเป็นเงินจำนวนมาก” นายบัญชา กล่าว