เผลอแป๊บๆจะเข้าสู่ครึ่งปีสุดท้ายของปี 68 อีกแล้ว งานนี้หลายคนที่ติดตามวงการบันเทิงมา ก็พากันเอามือทาบอกเบาๆและกระซิบกระซาบ yimyim ว่าปลายปีนี้วงการบันเทิงจะเงียบสงบไหม หรือร้อนแรงตามเดิม งานนี้ก็ขอไม่กั๊กนะคะ วันนี้จะมาแถลงข่าวกันให้ฟังเลยว่าอีกครึ่งปีที่เหลือนั้น วงการบันเทิงแต่ละแวดวงจะเป็นอย่างไร ตามมาจ๊ะ
เพลงไทย(T-POP) ไฉไลเหมือนเดิม แต่แกร่งสู้ K-POP มิได้
อันนี้ต้องออกตัวก่อนว่าจริงๆแล้ววงการ T-POP ของไทย 3-4 ปีมานี้ไม่ได้โดดเด่นหรือแผ่วน้อยลงเลย แต่กลับมาวงดนตรีหรือแม้แต่ศิลปินเดี่ยวในนามของ T-POP มากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ที่บอกว่าอาจจะแกร่งสู้ K-POP ไม่ได้นั้น ก็ต้องยอมรับ เพราะอย่างที่ทราบกัน เพลงสไตล์ของเคป๊อบนั้นดูเหมือนถูกจริตกับแฟนๆชาวไทยหนักมาก ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าไม่รับที่เรามาทำเพลงจริงๆจังๆที่เรียกว่าทีป๊อบนั้น เคป๊อบครองความนิยมไปทั่วโลกจริงๆ โดยเฉพาะประเทศในแทบเอเชีย ซึ่งมาจากผลของการส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงให้กลายเป็น SoftPower ของเกาหลีใต้นั่นแหละทำให้แทบทุกชาตินั้นรู้จักเพลงของวงการเคป๊อบ ไม่วงใดก็วงหนึ่ง ทีนี้จากการพัฒนาอย่างจริงจังของวงการทีป๊อบในประเทศไทยนั้น ก็พูดตรงๆว่าไปได้ดี แต่มันติดนิดนึงตรงที่ หลายๆครั้งเรามักจะเห็นกลิ่นไอของเพลงเคป๊อบไม่ส่วนใดหรือทำนองใดทำนองหนึ่ง หรือรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มาปะปนในเพลงทีป๊อบอยู่บ่อยๆ แม้หลายคนจะบอกว่ามันคือความสร้างสรรค์ สลับโมเมนต์และอื่นๆก็กลายเป็นเพลงใหม่ได้แล้ว แต่หากเรายังไม่สามารถคงความเป็นทีป๊อบและความโดดเด่นของเราได้ ต่อไปไม่นานเคป๊อบก็จะกลับมาครองวงการเพลงที่ไทยเหมือนเดิม

อีกอย่างเคป๊อบในปัจจุบัน แม้ไม่ได้เป็นวงเกิดใหม่ แต่เป็นวงดังเดิมที่เคยโด่งดังมาก่อนเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็รีเทิร์นกลับมาเยี่ยมเยือนแฟนๆชาวไทยเช่นกัน ทำให้พูดได้ง่ายๆว่าเราไม่สามารถสลัดความเป็นเคป๊อบออกจากคนชอบในไทยได้ ซึ่งแน่นอนการมาแต่ละทีของเคป๊อบในไทย นอกเหนือจากคอนเสิร์ตแล้ว การมาแฟนมีตติ้ง การมาถ่ายทำเพลงในไทยก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่เคป๊อบยังคงเป็นแต้มต่อให้เราได้เดินตามอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าเราไม่สามารถพัฒนาวงการทีป๊อบเราไปได้ไกลกว่านี้ ไม่ว่าจะด้วยวง การทำงานหรือแนวเพลง ก็บอกตรงตามว่าอีกครึ่งปี 68 ที่เหลือนั้น เคป๊อบก็ยังคงครองความนิยมในวงการเพลงของไทย และในความรู้สึกของแฟนๆชาวไทยอยู่นั่นเอง แต่ถ้ามองในมุมศิลปินเกิดใหม่ประดับวงการเชื่อว่าแฟนๆก็กำไรอีกจ๊ะ เพราะทีป๊อบมีการลงชื่อรอโปรโมทเพลงใหม่อีกเพียบๆปลายปีนี้ รอดูก่อน แต่เชื่อว่าเคป๊อบยังแรงไม่มีตกแน่นอน

หนังไทย แนวผีและตลก จ่อคิวรอเสิร์ฟเพียบ คนดูกำไรแบบเห็นๆ
มาถึงวงการภาพยนตร์หรือ หนังไทยกันบ้าง เชื่อว่าปี 68 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่วงการภาพยนตร์หรือหนังไทยตื่นตัวมากขึ้น เรียกว่าเป็นปีที่ตื่นเต้นต่อเนื่องจากความสำเร็จเมื่อปี 67 ของหนังไทยอย่าง “หลานม่า” และ “ธี่หยด” ที่บอกเลยว่ากระชากใจคนไทยและต่างชาติได้อย่างมากมาย แถมรัฐบาลยังบอกด้วยว่าจะสนับสนุนผลงานจากอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้กลายเป็น SOFT POWER แบบที่เกาหลีเคยทำได้มาแล้ว งานนี้พอรัฐเปิดปมการซัพพอร์ตก็เป็นหมุดหมายอันดีที่คนในวงการบันเทิงจะออกมาประชันความปังกันด้วยการสร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมากันแบบเพียบๆ

งานนี้ วงการหนังไทยเข้มข้นกว่าเดิมเพราะจะมีหนังไทยออกมาสู่ตลาดมากขึ้น และเชื่อได้เลยว่าหนังไทยจะยังคงทำรายได้ ได้ดีเหมือนเดิม เพราะด้วยกระแสของคนรักหนังไทยที่ถูกปลุกขึ้นมา ทำให้ต้นปี 68 ที่ผ่านมาคนไปดูหนังในโรงภาพยนตร์เยอะขึ้น และพ่วงท้ายด้วยหนังไทยที่คนยอมจ่ายเงินซื้อตั๋วไปดูด้วย ขออย่างเดียวอย่าลดมาตรฐานในการทำงานลงก็พอ ไม่งั้นหนังไทยจะถูกแช่แข็งและล้มหายตายจากไปเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนอีกครั้ง อ๋ออีกอย่างหนังไทยที่จะส่งมาเสิร์ฟแฟนๆอีกครึ่งปีหลังนั้นก็หนีไม่พ้นแนวผี และตลกแบบเดิมนะจ๊ะ ใครใคร่ชอบแนวไหนก็ไปดู แต่เชื่อเถอะ แหวกแนวและน่าสนใจแน่ๆ ฟันธง

ละครไทยขาลงต่อเนื่อง มีรีรันรัวๆใครคิดถึงเรื่องไหนได้ดูแน่
เอาจริงๆแม้ปากของดารา ผู้จัดและผู้กำกับหลายคนจะบอกว่าปี 68 วงการละครไทยจะเติบโต ไม่ซบเซาแล้ว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้นะจ๊ะ เพราะรายชื่อละครใหม่แกะกล่องที่ได้รับกับรายชื่อของละครรีรันที่ส่งมาให้ช่วยโปรโมทช่วงสวนทางกันสิ้นดี ดังนั้นบอกได้แรงๆให้เข้าใจเลยว่าครึ่งปีหลัง 68 ละครไทยจะยังคงซบเซาต่อเนื่อง เพราะด้วยงบประมาณของช่องต่างๆที่หดหายไป การเซฟค่าใช้จ่ายในแต่ละช่อง และละครแต่ละเรื่องจะมาใช้งบเปลืองๆมันไม่ได้แล้ว ซึ่งช่องแต่ละช่องก็ไม่อยากเสี่ยง เลยขอใช้ดาราเก่า ดาราในสังกัดและดันผู้กำกับหรือผู้จัดที่คาดว่าจะทำกระแสและหาโฆษณาจากละครได้ ให้ผลิตงานเท่านั้น ส่วนคนเก่าคนแก่ ผู้จัดเก่าๆหรือทำงานคุณภาพก็ขอพักไว้ก่อน ถ้ามีงบหรือหางบมาเองได้ ช่องก็พร้อมสนับสนุน แต่ถ้าไม่ ก็คงต้องบอกว่ารอปีต่อไปแล้วกัน นี่ไม่รวมละครรีรันตั้งแต่พระเจ้าหาวนะที่จ่อคิวให้แฟนๆได้ดูกันเพียบๆ ส่วนเด็กเจนใหม่ที่อยากดูหนังหรือละครดีๆก็ไปโน้น ซีรีส์จีนหรือเกาหลีกันหมด ส่วนคนที่เป็นเป้าหมายของตลาดรีรันก็คือคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่บ้านนั่นแหละ ดังนั้นวงการละครไทย บอกเลยครึ่งปีหลังยังไงก็แผ่วและหายใจรวยระรินเต็มที
ซีรีส์ยูริ(หญิงรักหญิง)และซีรีส์วาย (ชายรักชาย)โต แต่ไม่เห็นเงิน
มากันที่ฟากของซีรีส์ในครึ่งปีหลัง 68 กันบ้าง งานนี้ก็บอกเลยว่าดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะจะมีซีรีส์วายที่วายจริงและวายไม่จริงออกมาเพื่อเอาใจแฟนๆกันแน่นขนัด ซึ่งถามว่าดาราวายใหม่ๆได้แจ้งเกิดไหม ถ้าดูจากทำเนียบดาราที่ส่งมาแล้ว ก็บอกเลยว่ายาก อันจะมีหลุดออกมาให้ได้กรี๊ดกันไม่เกิน 10 คู่ใหม่ในปีหน้า แต่ดาราวายเก่าๆที่ดังอยู่แล้วที่ผลิตงานมาในปีหน้าก็ยังคงดังอยู่ และบอกเลยว่าค่ายดันไปต่างประเทศกันเพียบๆ เพราะรายได้ดีกว่า และขายความปังได้เยอะกว่าตลาดในไทย ดังนั้นซีรีส์วายในไทยจะล้นตลาดแน่นอน แต่ดาราจะไม่ได้ดัง หรือดังก็แค่เรื่องเดียวและหายไป ไม่คงทนแบบคู่วายเก่าๆที่อยู่มานาน มาทางฟาดของยูริกันบ้างก็บอกเลยว่าคู่ดังคู่เดิมดังอยู่ ดังต่อและดังอีก แต่คู่ใหม่ก็มีนะ เกิดแน่นอน แต่เกิดแบบค่ายอวยเอง ไม่ได้ดังจริงทั้งหมด ซึ่งเนื้อหาก็ถือว่าดีกว่าวายนิดๆ แต่โดยรวมซีรีส์ยูริดังแต่ไม่ได้เงิน วายเองก็ดังแต่เงินก็ไม่เห็นเช่นกัน

งานนี้ก็ต้องรอดูกันว่าปลายปี 68 นี้จะมีอะไรมาเติมกระแสให้วงการบันเทิงได้วูบวาบบ้าง หวังว่าจะเป็นผลงานดีๆ มิใช่เรื่องฉาวแลข่าวคราวแรงๆแบบที่ผ่านมานะ หุหุ เพราะไม่อย่างงั้นนักข่าวและแฟนๆไม่ต้องนอนกันล่ะ ไม่ใช่ดูซีรีส์ หรืองานหรือละครดึกนะ แต่เพราะรอเผือกผ่านเพจกันเพลินกว่านั่นเอง อิอิ
คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”
โดย yimyim