การเมืองร้อนปรอทแทบแตกจากสงครามตัวแทน ศึก“แดง – น้ำเงิน” ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.ยุติธรรมเฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ( กคพ.) ตั้งแต่ 14 พ.ค.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย

จากกรณีคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ผู้ถูกร้องที่ 1 และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

เพราะเห็นว่า เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของ กกต. โดยใช้ “ดีเอสไอ” เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ ตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำ สว. ซึ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม  ถือได้ว่าไม่มี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม  

เรื่องนี้ถือเป็นคำสั่งศาลครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ให้ยุติปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน นับว่าเป็นการเบรกเกม “ดีเอสไอ” ต้องรอดูกันว่า การร่อนหนังสือถึงสว.ล็อต 2 มาจะออกในเร็วๆนี้ตามที่ดีเอสไอประกาศไว้หรือไม่

 ขณะที่“นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมหารัฐมนตรีมาดู “ดีเอสไอ” แทน พ.ต.อ.ทวี เพราะต้องเดินหน้าสำนวนคดีที่ “ดีเอสไอ”ทำมาที่อยู่ในกระบวนการ จะต้องมอบหมายให้ใครดูต่อ โดยต้องหารือในครม.ก่อน

คดีฮั้วสว.กำลังเข้าสู่เกมเดือด หลังคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 26 ที่มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต. และเจ้าหน้าที่ของ DSI ร่วมกันดำเนินการไต่สวน กรณีมีการกล่าวหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ร่อนหนังสือให้สว.ล็อตแรก 50 กว่าราย ให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในคดีฮั้วสว.ต่อคณะกรรมการในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้

จากการตรวจสอบพบการกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม มีความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวของกลุ่มคณะบุคคล  

พบเส้นทางการเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่การเลือก สว. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ  การกาคะแนน การนับผลคะแนนที่มีการเลือกหมายเลขเดียวกัน ซ้ำ ๆ กันหลายชุด

ฝ่ายน้ำเงินกลัวที่ไหน “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ประกาศลั่นจะไปชี้แจงเอง ตามคำนัดที่กกต.ส่งมา ซึ่งจะไปสู้ตามข้อเท็จจริงไม่ได้กังวลใจใดๆทั้งสิ้น 

ท่ามกลางสว.สำรองคอยปั่นเกมให้คดีอยู่ในกระแส แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับคำร้องของสว.สำรองก็ตาม  แต่ก็เดินเกมแรงพุ่งเป้าหวังยุบพรรคภูมิใจไทย

ล่าสุดน.ส.กุสุมาวตี ศิริโกมุท  สว.สำรอง ออกมาแฉ มีหลักฐานทั้งภาพและเสียง ว่ามีผู้หญิงอำนาจเจริญ ติดต่อกับหัวหน้าพรรคๆหนึ่งเอี่ยวซื้อสว. ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ทำไมจึงต้องเกิดศึกสงครามชิงอำนาจสภาสูง เพราะสว.จะต้องเปิดสัญญาณไฟเขียวรับรองผู้ที่ถูกสรรหาเข้าไปนั่งในองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ในการชี้เป็นชี้ตายนักการเมืองได้ และสามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกมกระดานการเมือง

จึงนำมาสู่คดีเพื่อปูทางคดีฮั้วเลือกสว. นำไปสู่คดีฟอกเงิน อั้งยี่ ซ่องโจร ตามที่ดีเอสไอ กระพือข่าวออกมาให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ด้วยการนำAIเข้ามาช่วยจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง

เรื่องนี้ถ้าองค์กรอิสระหรือหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบไม่ทำให้คดีเกิดความกระจ่างโดยเร็ว หรือยังคงทำให้มีข้อสงสัย ก็จะเป็นจุดทุบศรัทธาประชาชน นำความเสื่อมเข้าสู่องค์กร อีกดอกหนึ่งได้

ไม่ว่าใครจะแพ้ใครชนะ งานนี้ประชาชนก็เห็นแล้วว่า เป็นเกมการแก่งแย่งชิงอำนาจสภาสูงกันอย่างเข้มข้น และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ประชาชนก็ดูจะอิดหนาระอายใจการสิ่งที่เกิดขึ้นและ สุดท้ายความเสื่อมก็จะมาเยือนนักการเมือง

ขณะเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดี “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ชั้น 14 ที่ล่าสุด ตัวแทนแพทยสภา ส่งรศ.นพ.ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา พร้อมด้วยทีมกฎหมายได้นำส่งมติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ จำนวน 3 คน โดยตักเตือน1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์ อันไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยยื่นให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา โดยมีนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรมว.สาธารณสุขเป็นผู้รับมอบ และจะนำส่งให้นายสมศักดิ์ พิจารณาเรื่องนี้ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป

งานนี้ก็ต้องมาวัดใจ “สมศักดิ์” ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา จะมีความเห็นตามมติของแพทยสภาหรือไม่ หรือจะวีโต้ เพราะเนื่องจากมี 2 หมอส่งทนายความเข้าร้องขอความเป็นธรรม เพราะมติที่ออกมาไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ยังมีตามข้อมูลพีดีพีเอ และพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ข้อมูลสุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล นำมาเป็นเหตุผลสามารถดิ้นสู้ได้

ต้องดูว่างานนี้ “สมศักดิ์” จะพลิกเกมอย่างไร เพื่อช่วยนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ปลดล็อกกฎหมายต่างๆ ในการอำนวยความสะดวกนายใหญ่ก็ทำมาแล้ว

และคดีนี้“ทักษิณ”เหมือน ลอยคอ อยู่กลางทะเล มีโอกาสสูงในการที่พลิกเกมหรือจมน้ำตาย วันที่  13 มิถุนายน จะเป็นเดตโซน ของนายใหญ่ทักษิณ นำสู่แรงกระเพื่อม ส่งไปถึงลูกน้อยหอยสังข์ “ลูกอิ๊งค์” แพทองธาร จะไม่มีเนวิเกเตอร์ใช้เป็นเข็มทิศในการ ชี้ทิศทางการเมือง กลายเป็นว่า “รัฐบาลนายกฯอิ๊งค์” อายุจะสั้นลงได้ก่อนครบเทอม

ดูจากสถานการณ์การเมืองอยู่ในช่วงเข้าได้เข้าเข็มมีการปั่นเกมกันอย่างเข้มข้นดูอย่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขนาดนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลผ่าตัดกระจกเลนส์ตา ยังเขย่าการเมืองได้อย่างมีนัยยะ ด้วยการโพสต์ภาพ “ชายพี” พีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเยี่ยมไข้ ได้มีการพูดคุยหารือ หลายชั่วโมง จนพยาบาลต้องจับแยก

ทามกลางกระแสข่าวการเกมโหวตคว่ำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 รวมไปถึงในการต่อรองพรรคเพื่อไทย ที่มีนโยบายเรือธงร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เท็นเมนต์คอมเพล็กซ์ ค้างคาอยู่ โดยที่“อนุทิน”ประกาศชัดต้องทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่

ยังมีกระแสแรงเคลื่อนของพรรคกล้าธรรม ที่พยายามอัพไซด์พรรค ทำตัวพอง เพื่อประกาศศักดาในการดูดสส.เพื่อเติมเสียงให้พรรค จากเดิม 24 เสียงเป้าหมายไปแตะที่ครึ่งร้อย 

ล่าสุดมี “สส.กฤษ” น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี ประกาศยุติบทบาทแยกทางกับพรรคประชาชน แล้วจะมาร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม อ.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โวซ้ำยังมีอีกเป็น 10 ที่จะย้ายเข้ามาร่วม แม้จะออกตัวว่า เป้าหมายไม่ได้ต้องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ในอนาคตก็ไม่แน่เพราะการเมืองอยู่ด้วยสูตรคณิตศาสตร์ จำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีขึ้นอยู่กับสส.ในพรรค

และอีกไม่นานจะเปิดตัวคนสนิทของ คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ผู้นำพรรคไทยสร้างไทย2 คน คือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม. ที่จะมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมและนอกจากนี้ยังมีสส.พรรคไทยสร้างชาติ ที่จะร่วมด้วย

ขณะที่พรรคการเมืองอื่นก็อยู่ในภาวะลุ่มๆดอนๆอย่าง “พีระพันธุ์” ก็เจอรุมสกรัม หลังแตกคอกับนายทุนด้านพลังงาน จนทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคอกแตกแยกเป็นสองขั้วมีสส. 36  คนแบ่งเป็น 23 + 13 เสียง

โดย “เสี่ยงเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ออกมายอมรับว่า เลือกตั้งครั้งหน้ามีแนวโน้มในการที่จะย้ายพรรค ขณะที่พรรคพลังประชารัฐก็มีสส.ทยอยลาออกล่าสุดคือ 2 กุมารที่โบกมือลา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯขอไปทำธุรกิจ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นเด็กดี

ขณะที่ฝ่ายค้านพรรคประชาชนที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจโดยโดนดูดสส.งูเห่าหลายต่อหลายครั้ง พร้อมมีการแฉว่ามีการจ่ายเงินซื้อ 55 ล้านบาท แถมให้เงินเดือน 250,000 บาท พร้อมรถประจำตำแหน่งอีกหนึ่งคัน

ด้าน‘ช่อ พรรณิการ์ วานิช’  น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เย้ยพรรคดูดงูเห่าตั้งเป้าเก้าอี้ มท.1 หวังสูงไปนิด แต่‘พรรคประชาชน’ไม่หวั่นเตรียมโหล ‘ดองงู’ไว้เยอะพร้อมส่งเสริมสุราก้าวหน้า ตอนนี้เปรียบการเมืองถอยหลังไป 40 ปี ตั้งแต่ยังมีคำหยาบ ‘กระx” ทางการเมือง  วอนประชาชนต้องช่วยกันลงประชาทัณฑ์ให้ถึงที่สุด

งานนี้พรรคส้มเรียกคะแนนสงสารคนรุ่นใหม่ให้เห็นใจบวกกับลุยแผนแฉทุจริต บนกระแสโซเชียล ทำถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ได้เห็นผลงานรัวๆ ขณะเดียวกันก็กวักมือเรียกคนรุ่นใหม่ให้อบรมหลักสูตร “นักการเมืองประชาชน” เพื่อเตรียมสมัครรับเลือกตั้ง สส. ให้เรียนรู้การเมืองใหม่ๆ “ยืนหยัดในอุดมการณ์ เดินหน้าเปลี่ยนประเทศไทย”

แต่แกนนำพรรคประชาชนยังต้องเจอกับวิบากกรรมโดนคดี 112 อยู่ในชั้นป.ป.ช. ที่ยังลูกผีลูกคน ถ้าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในไม่ช้าพรรคส้มก็ยังเป็นพรรคคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นกัน

เกมการเมืองร้อนต้องจับตาไม่กระพริบ ทุกๆเหตุการณ์มีจุดหักเหพร้อมพลิกเปลี่ยนทิศทางเกมได้เสมอ