“ต่อให้เรามีรองเท้าเยอะแค่ไหน เราก็ยังตามหาคู่ที่ใส่แล้วสบายและเป็นตัวเองอยู่เสมอ ความรักก็ไม่ต่างกัน”

เรื่องราวเกี่ยวกับขบวนการขายชาตินี้นั้นเกิดขึ้นเมื่อสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าในพื้นที่ จ.ชุมพร มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันลักลอบเข้าไปบุกรุกแผ้วถางทรัพยากรธรรมชาติ ปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา ในเขตแนวชายแดนไทยและเมียนมา แล้วนำผลอาสิน (ผลประโยชน์รายได้อันเกิดจากต้นผลไม้) สวมสิทธิเข้ามาขายในประเทศไทย

ทั้งยังรวมถึงมีการลักลอบค้าแรงงานเถื่อน จึงได้ประสานกับกองทัพภาค 4 เข้าดำเนินการตรวจสอบ และสืบสวน เนื่องจากเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในของราชอาณาจักร

เป็นการสนธิกำลังกันของสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 เข้าตรวจสอบตั้งแต่ 4 มี.ค. โดยได้มีการสอบสวนบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล และแสวงหาข้อมูล พบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชน มากกว่า 10 ราย ร่วมกันเป็นขบวนการ ดำเนินการุกรุกพื้นที่ ปลูกผลอาสิน รวมถึงขนย้ายแรงงานชาวโรฮีนจา เข้ามายังประเทศไทย


กระทั่งล่าสุดได้มีการสรุปสำนวนการบันทึกปากคำ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ต่อ ป.ป.ช.-ปปป. ส่วนกลางเรียบร้อยแล้วด้วย

ซึ่งผลการที่ได้เข้าตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีการใช้รถแบ๊กโฮลักลอบปรับไถเปิดจุดชายแดนเข้าออกนอกราชอาณาจักรมากกว่า 10 จุด และใช้เป็นเส้นทางเข้าออกประจำ 5 จุด เข้าออกกันอย่างเสรี

ทุกจุดไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ใช้เป็นเส้นทางขนสินค้าเกษตรเถื่อน อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ลักลอบขนไม้เถื่อน แร่เถื่อน แรงงานเถื่อน ค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ซึ่งตั้งแคมป์อยู่ห่างชายแดนประมาณ 5 กม. มีชาวโรฮีนจาประมาณ 400-500 คน 

ส่วนในเขตคุ้มครองของทหารกะเหรี่ยง KTLA ก็จัดสรรหลอกขายให้กับคนไทยมากกว่า 1 พันไร่ ราคาไร่ละ 50,000-100,000 บาท มีการตั้งชื่อหมู่บ้านนอกราชอาณาจักรว่า “หมู่บ้านอินทนินงาม” มีกลุ่มคนไทยหลายกลุ่ม เข้าไปสร้างที่อยู่อาศัย มีร้านค้า ร้านอาหาร ทำการเกษตรยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอื่นๆ นำผลผลิตออกมาขายฝั่งไทย

โดยมี “นายสมาน” สัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนือ อ้างตัวเป็นนายพลกะเหรี่ยง และอ้างว่าสนิทกับทหารไทย คอยติดต่อประสานงานกับทางการไทย 

ซึ่งในการร้องทุกข์กล่าวโทษของผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ได้ส่งมอบหลักฐานการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย ที่ใช้อำนาจหน้าที่เข้าสู่ระบบข้อมูลบุคคล จนนำไปสู่การติดตามอุ้มสายข่าวของทางราชการไปฆ่าฝังในพื้นที่หมู่บ้านอิทนทนิลงาม ฝั่งประเทศเมียนมา 

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีดังกล่าว ได้นำสรุปสำนวนการสืบสวนและการบันทึกปากคำ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ป.ป.ช.กลาง ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการไม่น้อยกว่า 10 ราย ที่ผลการสอบสวนเกี่ยวพันทางเส้นทางการเงิน โดยทั้งหมด เป็นเจ้าหน้าที่ของปกครอง ทหาร และตำรวจ ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ชายแดนฝั่งอันดามัน

ขนาด นายอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ยังเชื่อว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ส่วนใครจะมีสวนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดนั้นขอไม่ออกความเห็น ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฏหมาย แต่ในส่วนของความรับผิดชอบในฐานะนายอำเภอ ก็ได้บูรณาการกำลัง ชุด ชรบ.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับฝ่ายตำรวจและทหาร จัดชุดลาดตระเวณตามช่องทางธรรมชาติทุกเส้นทาง

และห้ามมิให้ใช้เส้นทางโดยเด็ดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีนโยบายสั่งการไปยังพื้นที่แนวชายแดนในการกวดขัน จับกุมการกระทำที่ผิดกฏหมายในเขตพื้นที่ภายในราชอาณาจักรไทย โดยตลอด แต่การทำงานยังไม่พบผู้กระทำผิดดังกล่าว มีเพียงการจับกุมยาเสพติดเล็กน้อยเท่านั้น

บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อยู่ไกลหูไกลตายากแก่การควบคุมดูแลได้อย่างทั่วถึง ประกอบกับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน จึงไม่ใช้อำนาจเขตรับผิดชอบ ส่วนกรณีด้านความมั่นคงก็มีหน่วยทหาร ตำรวจตระเวณชายแดน มีฐานที่ตั้งกองกำลังคอยปฎิบัติการสอดส่องอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามในการบันทึกปากคำพยานของคณะทำงานพบว่า บุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำเครื่องจักรเข้าไปก่อสร้างถนนและปรับพื้นที่ในฝั่งประเทศพม่า ประกอบไปด้วย บุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกับราษฎร ที่เป็นนายหน้า โดยบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้กับราษฎร

โดยมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากเจ้าของเครื่องจักร อ้างว่านำไปมอบให้กับผู้บังคับบัญชาโดยตรง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ตำรวจตระเวณชายแดน ทหาร ป่าไม้ ที่มีฐานปฎิบัติและพื้นที่รับผิดชอบในเขตแนวตะเข็บชายแดนประเทศไทย ให้อำนวยความสะดวกเข้าไปในพื้นที่และบุกเบิกก่อสร้างถนน

ซึ่งภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA พบว่ามีการบุกเบิกพื้นที่ป่าตรงไปยังพื้นที่บุกรุก และที่ตั้งของจุดเพิงพักคอยของชาวโรฮิงญา เมื่อช่วงปลายปี 2566 และมีเส้นทางผ่านฐานที่ตั้งของหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งการบันทึกปากคำพยานสอดคล้องกับความเป็นไปได้ ว่า การตัดถนนเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนย้ายพืชผลทางการเกษตร ยางพารา และปาล์มน้ำมัน

รวมถึงใช้เป็นเส้นทางเพื่อเคลื่อนย้ายชาวโรฮีนญาออกจากเพิงที่พักเข้ามายังประเทศไทยเพื่อผ่านไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งการกระทำเหล่านี้ของกลุ่มขบวนการขายชาติถือว่าผิดกฎหมายหลายกระทง

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วทางการไทยจะสามารถลากคอพวก “ขบวนการขายชาติ” จับยัดซังเตได้หรือไม่.

ข่าวสารตำรวจ

ส่งบ้านอย่างปลอดภัย
พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.ชุมแพ จว.ขอนแก่น สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจรถยนต์ ตรวจสอบเหตุพบผู้สูงอายุ เดินอยู่บริเวณซอยข้างห้างแม็คโครชุมแพ ลักษณะท่าทางมีพิรุธ ตรวจสอบพบว่าเป็นชาวบ้านโคกสูงสำราญ เดินมาเรื่อยๆตามถนน มีอาการหลงลืมบ้าน หลังเจ้าหน้าที่พูดคุยได้นำตัวส่งบ้านอย่างปลอดภัยและกำชับให้คำแนะนำญาติให้ดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป

เกลื่อนเมืองระยอง
ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองในพื้นที่จังหวัดระยองบอกว่า ขณะนี้แผงแกะเบอร์ฉลากลุ้นโชคผุดขึ้นเกลื่อนร้านขายของชำทั่วเมืองอย่างน่าตกใจ เปิดให้เด็กเยาวชนเล่นเสี่ยงดวงอย่างเสรี ทั้งที่เข้าข่าย “การพนันประเภท 2” แต่กลับไร้เงาการตรวจสอบ ซึ่งผู้ปกครองบ้างคนเล่าว่า เมืองระยองตอนนี้เดินไปทางไหนก็เจอแผงแกะเบอร์ฉลากลุ้นโชคเต็มไปหมด เด็กบางคนขอเงินวันละหลายสิบบาทไปเล่น เคยร้องเรียนไปเรื่องก็เงียบ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว อย่างไรก็ตามก็ขอฝากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบหน่อยแล้วกันว่าข้อมูลที่ชาวบ้านร้องเรียนมานี้นั้นมีข้อเท็จจริงเช่นไร.

อบรมเชิงปฏิบัติการ
พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ เนื่องจำนงค์ ผกก.สภ.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี พ.ต.ท.พัชร์พิสิฐ บุญสิงห์ใจ รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.วัชรพล ภัทรวงค์จินดา สวป. นำข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการปฐมพยา บาลเบื้องต้นและการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR & AED) ณ ห้องประชุม ชั้น 3 สภ.ดอนหัวฬ่อ โดยมีวิทยากรผู้มีประสบ การณ์ จากมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ (กู้ภัยมังกร) มาให้ความรู้และฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้การทำ CPR ที่ถูกต้อง การใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ฝึกปฏิบัติจริง เพิ่มความมั่นใจในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน การอบรมครั้งนี้ช่วยเพิ่มทัก ษะให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สา มารถช่วยเหลือผู้หมดสติหรือภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ทันท่วงที เพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ประชาชน

ประกาศเกียรติคุณ
ที่ บก.ภ.จว.ระยอง พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภว.ระยอง และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.สภ.เมืองระยอง ได้มอบประกาศเกียรติคุณแก่นายวินัย มาสวัสดิ์ นายสุทธิศักดิ์ บุตรแก้ว นายนิคม ไพคำนาม พลเมืองดีที่ช่วยจับคนร้ายชิงทอง ห้างทองตำหนักทอง 5 ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลระยอง ไว้ได้ เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยกย่องสรรเสริญ และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป ด้านเจ้าของร้านทองตำหนักทอง 5 ได้มอบเงินสดคนละ 50,000 บาท เป็นสินใจน้ำที่ทำคุณงามความดีต่อสังคม โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเอง นอกจากนี้ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลระยอง ยังได้มอบชุดของขวัญ และกิฟท์วอยเชอร์ ให้กับพลเมืองดีทั้ง 3 ราย รวมทั้งมอบให้กับ รปภ.ของทางศูนย์การค้าฯ และพลเมืองดีอีกราย ที่ช่วยควบคุมตัวคนร้าย หลังชายพลเมืองดีทั้ง 3 ราย จับตัวไว้ได้แล้ว

อำนวยความสะดวก
ทุกวันจะเห็นภาพ พ.ต.ต.โชคชัย ไมตรี สว.จร.สภ.เมืองสุพรรณบุรี และ เจ้าหน้าที่ จร.ออกปฎิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกการจราจรในเขตเทศบาล จุดชั่วโมงเร่งด่วนและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน กรณี แก้ไขปัญหาการจราจรจุดต่างๆ เพื่อนำมาแก้ไข

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี มอบหมายให้ พ.ต.อ.ยิ่งยส เขินอำนวย รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เป็นผู้แทน เข้าร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน ณ อาคารเก็บเครื่องเกียรติยศประกอบศพ กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี

สังสรรค์วันสงกรานต์
พล.ต.ท.กิตติโชติ แสงนิล ประธานชมรมนายตำรวจนอกราชการ พร้อมด้วย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ พล.ต.อ.ไกรสุข สินศุข พล.ต.อ.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ พล.ต.ต.ประยุทธ์ ศุภจริยาวัตร พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ร่วมงานสังสรรค์รดน้ำดำหัว เนื่องในวันสงกรานต์ ที่ห้องรับรองกระจก อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
*****************************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป