ยังคงเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าอยู่ไม่เลือนหายไป สำหรับการจากไปของ นายหัฒศนัย ไกรบุตร หรือ เมฆ-วินัย ไกรบุตร พระเอกชื่อดังที่เสียชีวิตจากภาวะความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือดและจากไปอย่างสงบ ในวันที่ 20 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเสียใจและอาลัยของแฟนๆทั้งประเทศ ซึ่งตั้งแต่ที่หนุ่มเมฆเริ่มป่วยด้วยโรคหายากอย่างโรคตุ่มน้ำพองและมีความทรมานอย่างมาก หนึ่งในผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดและถือเป็นตัวแทนของรักแท้ที่ไม่เคยรังเกียจและยังคงต่อสู้เคียงข้างดูแลเมฆอย่างดีอย่างภรรยาสาวสวย “เอ๋ อรชัญญาช์” และลูกๆก็ทำให้เห็นแล้วว่ารักแท้จากครอบครัวมีอยู่จริง ซึ่งล่าสุดเนื่องในโอกาสครบรอบการจากไป 1 ปีของหนุ่มเมฆ yimyim ก็ไม่พลาด ไปพูดคุยกับสาวเอ๋และครอบครัวกัน

ครบรอบการจากไป 1ปี เมฆ วินัย แล้ว สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
เอ๋ : “ก็เหมือนเดิมไม่ได้ดีขึ้นหรอก เพราะว่า มันเป็นการสูญเสียเนาะ พี่ว่าบ้านไหนมันก็ไม่ได้ทำใจได้ในปีเดียวหรอก ก็ยังมีคิดถึงอยู่ เวลาคิดถึงพี่เมฆก็ทำบุญอย่างเดียวเลยค่ะ พอรู้สึกคิดถึงก็จะไปทำบุญเพื่อไม่ให้เราดาวน์ ซึ่งเราก็ไปทำบ่อย ส่วนลูกๆ ก็ถ้ามีเวลาถ้ามีโอกาสก็ได้ไปค่ะ ถ้าเป็นวันหยุดเขา”
ใช้ชีวิตหลังจาก เมฆ วินัย เสียไปมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง ?
เอ๋ : “ปรับเยอะเลยค่ะ เพราะตอนที่พี่เมฆอยู่พี่ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่พี่เมฆเขาเป็นคนนำ เขาก็จะทำทุกอย่าง แต่พอเขาจากไปแล้วเราต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว เราก็ต้องจัดการทุกอย่าง เพื่อให้มันเดินต่อไปได้ อย่างลูกๆตอนนี้ น้องมาร์คก็อายุ 13 ปี น้องแมม ปลายปีนี้จะอายุ 11 ปี และน้องเมิร์ชปีนี้ 4 ขวบแล้วค่ะ”

ลูกคนไหนเดินสายในวงการบันเทิงตามคุณพ่อไหม ?
เอ๋ : “มีน้องมาร์คค่ะ ตอนนี้กำลังเดินสายแข่งร้องเพลงอยู่ แต่ว่ายังเป็นความลับอยู่ ให้เอฟซีได้เห็นเองว่าเขาทำอะไรบ้าง และมีการฝึกซ้อม เขาอยากเป็นนักร้องเขาก็พยายามอยู่ในเส้นทางของเขา ในฐานะแม่ก็อยากให้ไปได้ไกลกว่านี้ แต่อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเขา เพราะน้องเขาก็ฝึกมากขึ้น แล้วก็ลองบนเวทีเยอะขึ้น ถ้ามีโอกาสน้องก็ไปแข่ง แต่ด้วยความที่น้องเขาเป็นคนชิวๆ ไม่ค่อยเครียด เขาจะมองโลกในแง่บวก โชคดีที่เขาไม่มองในแง่ลบ คือเขาจะเน้นว่าเขาทำเต็มความสามารถเขาแล้ว เราก็โอเค”
ส่วนสภาพจิตใจของลูกๆ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
เอ๋ : “น้องเขาบอกว่าพยายามจะไม่คิดถึง เพราะถ้าเกิดว่าเขาคิดถึงเขาจะมีความเศร้าอยู่บ้าง เขาเหมือนกับว่าถ้าคิดถึงเขาจะร้องเพลง ถ้าเป็นในส่วนของมาร์คนะ เขาจะร้องเพลงที่เกี่ยวกับคิดถึงพ่อ ส่วนคนเล็กก็มีพูดถึงบ้าง แต่เวลาที่เขาเห็นเราบอกบ่อยๆ ว่าคิดถึง เขาก็จะบอกว่าไม่ต้องคิดถึงหรอกเพราะปะป๊าไปสู่สวรรค์แล้ว ทุกคนก็พอจะทำใจได้ คือเด็กๆ น่าจะทำใจได้ง่ายกว่าเรา เพราะว่าเขาเป็นเด็กยังเป็นผ้าขาวอยู่ ก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่”

ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีการสัมผัสได้หรือฝันถึงเมฆบ้างไหม?
เอ๋ : “ไม่เคยฝันถึงเลย และไม่เคยสัมผัสได้เลย ล่าสุดไปหาอาจารย์ไพศาลมา อาจารย์ไพศาลก็ถามเหมือนกันแหละว่าพี่เมฆได้มาหาไหม เราเลยบอกว่าไม่ได้มา อาจารย์ไพศาลก็เลยบอกว่าสงสัยเขากลัวโดนด่า เราก็เลยถามว่าอันนี้พูดจริงหรือว่าอาจารย์พูดเอง ซึ่งอาจารย์เขาบอกว่าพี่เมฆพูด เราก็เลยคิดว่าพี่เมฆเขาคงจะกลัวจริง คือตอนมีชีวิตอยู่ เขาไม่ได้กลัวเอ๋นะ แต่เขาเกรงใจมากกว่า เขาเป็นคนเกรงใจอยู่แล้ว คือพี่เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ ส่วนใหญ่จะคุยกับเขาด้วยเหตุผลล้วนๆ ถ้าเป็นจริงอย่างที่อาจารย์ไพศาลว่าก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขารับปากไว้แล้วว่าจะอยู่กับเรา เขารับปากไว้แล้วแต่เขาทำไม่ได้ไง เขาก็เลยอาจจะกลัวแน่ๆ”
ถ้าเกิดเมฆมาหาจะพูดอะไรกับเขาบ้าง ?
เอ๋ : “ถ้ามาหาก็อยาก ให้เปิดเส้นทางให้ลูกได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ลูกๆ ต้องการ สำหรับพี่ พี่พยายามทำให้ดีที่สุดในความสามารถพี่ที่ทำได้ ถ้าช่วยได้คืออยากให้ช่วยลูกทั้งสามคนเลย และก็ช่วยเรื่องหวยให้ถูกรางวัลที่หนึ่งหน่อยเถอะ”

แล้วมีใครมาบอกเอ๋ไหมว่าฝันถึงเมฆบ้าง ?
เอ๋ : “เต็มเลยค่ะ ทั้งตัวผู้จัดการพี่เมฆ ทั้งเพื่อนเขาตื่นแม้กระทั่งเพจที่เขาตั้งมารวมพลคนรักวิ่งที่สนิทกันในทีม ก็จะฝันถึงทุกคนเลย คือฝันถึงพี่เมฆบ่อย ฉันประมาณว่าพี่เมฆมาชวนไปวิ่ง มาชวนไปทำกิจกรรม แล้วพี่เมฆก็บอกว่าอยู่ที่โน่นสบายมากเลย แม้กระทั่งแม่พี่เมฆก็ฝันว่า เห็นพี่เมฆมาตัวเกลี้ยงเลย หล่อเลย เพราะเราได้ฟังแล้วรู้สึกว่าทุกคนพูดไปในทิศทางเดียวกัน เราก็สบายใจ อันนี้มันเป็นความสบายใจทางใจ ส่วนในเรื่องของทางโลก เราก็ทำหน้าที่ของเราไป”
สำหรับหนี้สินที่กู้มารักษาตัวเมฆ ตอนนี้มีความคืบหน้าไปยังไงบ้าง?
เอ๋ : “ต้องบอกว่าไปเรื่อยๆ แต่ว่าหนี้บุคคลพี่พยายามปิดให้หมด ตอนนี้ก็มีแต่ญาติพี่น้อง มีแค่พี่น้องตัวเองและพี่น้องสามี อันนี้เราคุยกันได้ เพราะเรามีอสังหาริมทรัพย์ เราบอกว่าวันไหนที่เราเคลียร์อสังหาริมทรัพย์ แล้วเราก็จะเคลียร์ให้ คือด้วยความที่เราเป็นพี่น้องกันมันไม่ได้มีปัญหา แต่ว่าตอนนี้พี่ก็ไปเน้นว่าหนี้ที่มีไปอยู่ในระบบของธนาคาร พี่ก็เอาเงินของธนาคารมาเคลียร์ให้กับบุคคล เพื่อที่เราจะได้เคลียร์กับธนาคารเองเลย คือเพราะมันเป็นชื่อเราแล้วเราก็สบายใจ คือก็ยังเป็นหนี้อยู่แต่เราไม่ได้เป็นหนี้บุคคล คือเอาตรงๆ คนที่เมตตากับเราในช่วงที่เราลำบาก วันนึงถ้าเราเคลียร์และแก้ไขให้เขาได้เราก็อยากจะทำให้มันดีที่สุดเพื่อสุดท้ายแล้วอย่างที่พี่บอกพี่อยากให้พี่เมฆไปอย่างใสสะอาด ซึ่งตอนนี้เขาก็ไปอย่างใสสะอาดแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ที่พี่ต้องรับผิดชอบ หนี้สินที่จะเปลี่ยนมาเป็นชื่อพี่แทน หรือถ้าเป็นชื่อของเขาก็ยังเป็นชื่อในระบบ ซึ่งพี่ก็ไปปรึกษาธนาคาร ธนาคารก็บอกว่าให้เคลียร์จนหมดก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อ”

“ยอดหนี้ตอนนี้ก็เหลือประมาณ 3,000,000 มันเป็นเลขที่เราค่อยๆ เคลียร์ไหว มันไม่ได้หนักมาก แต่ถ้าวันไหนถ้าพี่รู้สึกว่ามันหนักจริงๆ ก็อาจจะขายบ้านทิ้ง เพราะว่าพี่มีบ้านอีกหลังนึง ซึ่งเป็นบ้านของคุณพ่อคุณแม่ เราก็อาจจะย้ายไปอยู่ตรงนั้นเราก็ขายบ้านหลังนี้ ซึ่งเราก็จะได้ไม่มีภาระหลายตัว ซึ่งช่วงนี้ก็ยังไหวในการส่งอยู่คือจริงๆ พี่ไม่ได้ยึดติดกับอะไรอยู่แล้ว ถ้าวันนึงต้องขายก็แค่ขาย ถ้าเรารู้สึกว่าถ้าเราต้องไปอยู่ร่วมกันเป็นบ้านใหญ่ เราก็ไปอยู่กับพ่อแม่เรา คือเมื่อก่อนเรามีพี่เมฆเขาก็ต้องการมีมุมส่วนตัว ซึ่งจริงๆ พ่อแม่พี่ก็อยากให้พี่ไปอยู่ด้วยอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าวันนึงเราจะไปอยู่ด้วยกันจริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติมันก็จะไม่ได้ต้องไปมาสองหลัง ทุกวันนี้เราไปมาสองหลัง”
เราคิดว่าเหลืออะไรติดค้างเมฆไหม ?
เอ๋ : “พี่ทำให้มากจนมากล้นแล้ว มากสุดๆ แล้วที่ทำให้เขา พี่ว่าพี่ไม่มีอะไรติดค้างเขาหรอก เพียงแต่ว่าพี่ก็อยากให้เขาสบายใจ และถ้าเขาอยากเปิดเส้นทางที่สนับสนุนลูกในภพนั้นพี่ก็อยากให้เขาทำเพื่อลูกล้วนๆ”
ถ้าพี่เมฆฟังอยู่อยากจะบอกอะไรกับเขาบ้าง ?
เอ๋ : “อยากให้หวย ให้ถูกรางวัลที่หนึ่งสักทีรออยู่(หัวเราะ) ขอตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเอามาเลย รางวัลที่หนึ่ง จะได้เอามาเป็นทุนการศึกษาลูก เคลียร์หนี้สินทั้งหมด อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าเราจะไปในทิศทางไหน”
มาร์ค : “ก็ตามคุณแม่เลยครับ คือผมก็ยัง มีคิดถึงอยู่ แต่ก็ก็ยังใช้ชีวิตไปได้เรื่อยๆ แค่คิดถึงเขาอยู่ในใจ”
แมม : “ขอหวยค่ะ (ยิ้ม)”

ยิ่งได้สัมผัสและพูดคุยกับสาวแกร่งอย่างเอ๋และลูกแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมและเป็นกำลังใจให้เธอจริงๆ เพราะตั้งแต่หนุ่มเมฆเริ่มป่วย ก็เชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจคำว่า “คู่แท้ คู่ทุกข์ คู่ยาก” จากเมฆและเอ๋เป็นอย่างดี และเชื่อเสมอว่าลูกชายของหนุ่มเมฆจะกลายเป็นนักร้องที่มีคนรักทั้งประเทศแบบพ่อของเขาจริงๆ
คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”
โดย yimyim