ครบ 4 ปีแล้วสำหรับโปรเจกต์ยักษ์ 1.14 แสนล้านบาท โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะ( เฟส) 3 จ.ชลบุรี ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) นับจากวันจัดพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนเมื่อ 25 พ.ย. 2564

เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ผลักดันท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นศูนย์กลาง(ฮับ)ด้านการขนส่งทางทะเลของภูมิภาค เชื่อมโครงข่ายการขนส่งสินค้าทางน้ำกับระบบรางและทางถนนแบบไร้รอยต่อ สู่กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และประเทศจีนตอนใต้

โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 พื้นที่รวม 3,246 ไร่ เป็นพื้นที่ทางน้ำ ถมทะเล 2,846 ไร่ ประกอบด้วยท่าเทียบเรือตู้สินค้า 7 ท่า รองรับตู้สินค้าได้ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านตู้ต่อปี ท่าเทียบเรือรถยนต์ (Ro/Ro) 1 ท่า รองรับรถยนต์ได้ 1 ล้านคันต่อปี ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไปและตู้สินค้า 1 ท่า ลงทุนรูปแบบPPPระหว่างรัฐ(กทท.) ลงทุน47%ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และเอกชน บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (GPC)สัมปทาน35 ปี ลงทุน53%ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

เอกชนลงทุนท่าเทียบเรือ F วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ท่าเทียบเรือ E 2.5 หมื่นล้านบาท และท่าเทียบเรือ E0 ประมาณ 5 พันล้านบาท โดยพัฒนาท่าเทียบเรือ F ลำดับแรก เมื่อแล้วเสร็จ จะรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 13 ล้านตู้ต่อปี และรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มเป็น18 ล้านตู้ต่อปีเมื่อพัฒนาครบทั้งหมดในอนาคต เอกชนรับรายได้จากการประกอบกิจการท่าเรือ เช่น ค่าภาระการใช้ท่าของเรือ ค่าภาระยกขนตู้สินค้า และค่าภาระการใช้ท่าของตู้สินค้า เป็นต้น

ส่วนกทท. จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำรวมทั้งโครงการประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยลงทุนก่อสร้างงานทางทะเล ขุด-ถมทะเล รองรับการก่อสร้างท่าเทียบเรือและโครงสร้างพื้นฐาน แบ่งงาน 4 ส่วนหลัก
1. งานก่อสร้างทางทะเล มีกิจการร่วมค้า CNNC เป็นผู้รับจ้าง ผลงาน 62.89% ตามแผนงานต้องส่งมอบพื้นที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง F1 ให้GPCปลายเดือน พ.ย.2568 ส่วนพื้นที่ F2 มีแผนส่งมอบปี 2572
2. งานก่อสร้างอาคาร ท่าเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค มีบริษัท ซีเอซอีซี (ไทย) จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ผลงาน 0.251% ล่าช้า 0.711% จากอุปสรรคสิ่งปลูกสร้าง และสาธารณูปโภคกีดขวาง เป็นต้น
3. งานก่อสร้างระบบรถไฟ 700 ล้านบาท ต้องถมทะเลก่อสร้างทางคู่ใหม่ 2 ทางจากหลังท่าเรือไปสถานีรถไฟแหลมฉบัง ระยะทาง 5 กม.เดินรถไฟถึงหลังท่าเรือ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือได้ทันทีแบบไร้รอยต่อ
4.งานจัดหาและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับขนย้ายสินค้า อยู่ระหว่างจัดทำร่างขอบเขตงาน (TOR) ว่าจ้างที่ปรึกษาทบทวนเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเปิดประมูลเดือน พ.ค.2568 ได้ผู้รับจ้างเดือน มิ.ย.2568 ใช้เวลาทบทวน 4 เดือน แล้วเสร็จเดือน ต.ค.2568 เพื่อเปิดประมูลหาผู้รับจ้างก่อสร้างงานส่วนที่ 3 และ 4 ต่อไป

ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข บอกว่า การขุดลอกและถมทะเลโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีความท้าทาย และยากที่สุด เมื่อเทียบกับเฟส 1 และ 2 เนื่องจากขุดลอกลึกกว่า ขนาดใหญ่ และกว้างกว่ามาก ต้องขุดลึกถึง 18.5 เมตร จากปกติ 7-12 เมตร เพื่อให้เรือขนาดใหญ่ทั่วโลกมาเทียบท่าใช้บริการได้ ดินที่ขุดนำไปถมทะเล หากเทียบกับประเทศในแถบเดียวกัน มีความลึกในระดับใกล้เคียงกับท่าเทียบเรือประเทศสิงคโปร์ และศรีลังกาเค้าไม่ต้องขุดลึกเหมือนไทย เพราะทะเลลึกโดยธรรมชาติ 16-20 เมตรอยู่แล้ว

จากปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้ขยับแผนเปิดท่าเรือ F1 ปลายปี 2570 เป็นไตรมาสที่ 3 (เม.ย.-มิ.ย.) ปี 2571 และท่าเรือ F2 เปิดบริการปี 2574 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าจาก 11.10 ล้าน ที.อี.ยู.ต่อปี เป็น 13.10 ล้าน ที.อี.ยูต่อปี รองรับเรือขนสินค้าขนาดใหญ่มาใช้บริการได้และเมื่อเฟส 3 แล้วเสร็จทั้งโครงการจะรองรับได้เพิ่มเป็น 18.10 ล้าน ที.อี.ยูต่อปี ตลอดจนเพิ่มสัดส่วนสินค้าผ่านท่าทางรถไฟจาก 7% เป็น 30% เป็นต้น
เพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าของท่าเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ เฟส 2 ซึ่งมีพื้นที่รวม 8,752 ไร่ ทางบก (พื้นที่เวนคืน) 6,341 ไร่ ทางน้ำ (พื้นที่ถมทะเล) 2,411 ไร่ มีท่าเรือที่เปิดบริการแล้ว ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือตู้สินค้า 11 ท่า ท่าเทียบเรือขนส่งรถยนต์ 3 ท่า ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ 3 ท่า ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป 1 ท่า และอู่ต่อและซ่อมเรือ 1 ท่า (รองรับตู้สินค้า 11 ล้านตู้ต่อปี และรองรับรถยนต์ได้ 2 ล้านคันต่อปี)

ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 จะบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยที่สุด ใช้แคร่ และหุ่นยนต์สนับสนุนแรงงานมนุษย์ มีประมาณ 20 ท่าเรือทั่วโลกที่ใช้ระบบนี้ พร้อมขับเคลื่อนท่าเรือสีเขียวสู่ความยั่งยืน หมุดหมายใหม่ของเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทย.
……………………………………………….
นายสปีด
***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต