ชุ่มฉ่ำกันไปแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะ“นายกฯอิ๊งค์” “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ควง “คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” พร้อมครอบครัว ร่วมสาดน้ำเล่นสงกรานต์ที่ บ้านเกิด “คุณพ่อทักษิณ” จ.เชียงใหม่

งานนี้ดู “นายกฯเจนวาย”จะสนุกกว่าใครๆ ชาร์จแบตเต็มที่ก่อนเข้าสู่โหมดการเมืองแบบสับๆ ที่“รัฐบาลแพทองธาร” ต้องเรียกศรัทธา หลังเจอวิกฤติรุมเร้า กระแสนิยมตกฮวบ

สำหรับยอด 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ (11เม.ย.-17 เม.ย.68) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม เกิดอุบัติเหตุรวม 1,538 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,495 คน ผู้เสียชีวิต รวม 253 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พัทลุง 63 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ พัทลุง 61 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 19 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็ว

ถือเป็นการบ้านในการรณรงค์ของรัฐบาล เพื่อปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง ป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินในครั้งต่อๆไป

ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาแต่ลมร้อนการเมืองก็ยังคงพุ่งๆ สูสีกับสภาพอากาศในประเทศไทย แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขยายเวลาออกไป 90 วัน ทำให้หลายประเทศมีเวลาผ่อนลมหายใจ ตั้งโต๊ะถกหามาตรการแก้ปัญหาเจรจาต่อรองกับผู้นำสหรัฐ หวังทลายกำแพงภาษี

งานนี้ “คุณพ่อทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาลเพื่อไทย ประกาศชัดข้ามหัวลูกสาว “นายกฯอิ๊งค์” โทรคุยอย่างไม่เป็นทางการกับคนรอบข้าง“ทรัมป์”หลายคนแล้ว และหากมีจังหวะก็จะไปเจรจากับ “ทรัมป์”ด้วยตัวเอง

ขณะที่“นายกฯแพทองธาร” เปิดทำเนียบรัฐบาลรับ ดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่เดินทางมาประเทศไทยและได้มีการหารือทวิภาคี และได้แจงหลังการหารือว่า ในการหารือกับนายอันวาร์ ก็ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาด้วย โดยจะผนึกกำลังร่วมมือกันในภูมิภาคอาเซียนให้มีความแข็งแรง ก็ได้มีทางออกในการแก้ไขปัญหา ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียน เน้นการเจรจาแบบวิน-วิน

นายกฯขอให้ผู้ประกอบการมั่นใจ เพราะเป็นนักธุรกิจมาก่อน ทราบว่าไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ ขอให้มั่นใจรัฐบาลดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่” นายกฯกล่าว

อย่างไรก็ตามภาพคนมองว่าที่ผ่านมารัฐบาลมัวแต่มะงุมมะงาหรา จับต้นชนปลายไม่ถูกไม่สมกับสโลแกนพรรค “คิดเร็ว ทำเร็ว” มัวแต่รอสัญญาณจาก “คุณพ่อทักษิณ” ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า “นายกฯอิ๊งค์” เป็นได้แค่หุ่นเชิด

ล่าสุดเพิ่งจะได้ข้อสรุปเตรียมส่ง “ทีมเจรจาไทยแลนด์” โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง เป็นหัวหน้าทีมเจรจา ซึ่งได้คิววันที่ 23 เม.ย.นี้ จะเป็นการคุยกับระดับรัฐมนตรี

ด้าน“คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาประธานอาเซียน ไม่พลาดที่ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองอาหารค่ำแก่นายอันวาร์ อิบราฮิม และคณะที่ปรึกษาอาเซียน ที่โรงแรมโรสวูด กทม.

ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ก่อนหน้านี้ “นายกฯอิ๊งค์” ยืนกรานไม่ปรับ แต่กระแสข่าวลือการเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีกลับปรากฏออกมาเป็นรายวัน โยนหินถามทางออกมาเรื่อยๆ โดยจะขยับจากพรรคเพื่อไทย และกำลังเล็งไปที่พรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะขยับปรับตามหรือไม่ หรือจะมีการแลกโควตาพรรคร่วม

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อต้องการเปลี่ยนความรู้สึกประชาชน อีกทั้งเป็นแรงกดดันจากกลุ่มนายทุนที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัวหรือไม่

แรงกระเพื่อมที่เห็นได้ชัด คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม วันแผ่นดินไหว เพื่อเช็คเสียงโชว์พลังกรรมการบริหารพรรค ว่ายังอยู่ในอุ้งมือของ “ชายพี” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการปิดประตูนายทุนที่หวังใช้เงินฟาด ยึดพรรค ยึดเก้าอี้ รมว.พลังงาน โดยการันตีว่า ยังมีสส.อยู่ในมือ 23 คนจาก 36 คน

ต้องจับตาดูต่อไป เพราะเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา “คุณพ่อทักษิณ” ไม่ปล่อยผ่าน ส่งสัญญาณรอจังหวะหารือ “นายกฯอิ๊งค์”เรื่องการปรับครม. 

เกมนี้ถ้า “นายกฯอิ๊งค์” ยอมถอยให้ “คุณพ่อทักษิณ” ทำตามความประสงค์ก็เท่ากับว่าเป็นตัวการันตีได้อีกครั้ง ว่าใครคือ “นายกฯหุ่นเชิด”

ส่วนประเด็นร้อน “กาสิโน” ยังคงคาบลูกคาบดอก ต้องลุ้นว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้หลังเจอ 2 พรรคร่วมโชว์เฮี้ยวเสียวสุดซอย ทั้งพรรคประชาชาติ ที่มีเงื่อนไขเรื่องของศาสนาอิสลาม และพรรคภูมิใจไทย ที่ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายเนวิน ชิดชอบ ออกมาประกาศกลางสภาไม่เอา “กาสิโน”

แม้ “เสี่ยหนู หวานเจี๊ยบอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะออกมาบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวเคลียร์แล้วก็ตาม แต่ถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัวพรรคใหญ่กินรวบพรรคเดียวก็จะเป็นผลที่ทำให้ “รัฐบาลแพทองธาร”ต้องสะดุดอยู่แค่นี้

ยิ่งมาเช็คความพร้อมภาพรวมในขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ยังไม่พร้อมรับสงครามครั้งใหม่ และยังไม่พร้อมเปิดศึกด้วย ด้วยสภาพของวิกฤติศรัทธาและสภาพของคนเสื้อแดงที่ยังไม่กลับบ้านพร้อมกลายเป็นส้ม โอกาสที่แพ้สงครามอีกรอบก็มีได้เช่นเดียวกัน

สภาพตอนนี้ของรัฐบาลพรรคร่วมอยู่กันในลักษณะ “ตบ-จูบ” พร้อมมีดราม่าให้ประชาชน น่าอเนจอนาถใจไม่เว้นแต่ละวันกันไปเรื่อยๆ

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร พูดถึงเสถียรภาพรัฐบาลยังไม่สามารถพูดได้ แม้รัฐบาลมีกว่า 300 เสียง เพียงพอต่อการลงมติ แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่สามารถบอกได้ว่า มั่นคงตลอดไป เพราะถือเป็นเรื่องการเมืองต้องมีทั้ง “บนดิน ใต้ดิน และบนฟ้า” จึงมั่นคงได้ในระดับหนึ่ง

ถ้ารัฐบาลไม่เร่งแก้ไข มาเจอเกมร้อนซ้ำเติม โดยเฉพาะม็อบที่เริ่มฟักตัวก็จะเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนขึ้นมาทำรัฐบาลจะถูกคว่ำได้ในที่สุด

เพราะล่าสุด “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำม็อบเสื้อขาว ออกมาเปิดประเด็นร้อนที่จะทำให้คนไม่พอใจพร้อมลงถนนร่วมขับไล่รัฐบาล นอกจาก “กาสิโน” แล้ว ยังมีเรื่องนักโทษเทวดาชั้น 14 ,พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน ,การขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ หรือว่าแนวคิดการขายพื้นที่เป็นระยะเวลา 99 ปี,และเรื่องพลังงานไทย-กัมพูชา

ขณะเดียวกันยังเจอ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาประกาศเร่งยุทธการโรยเกลือ ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.พฤติกรรมของนายกฯ ที่เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง โดยใช้ตั๋ว PN ในการหลีกเลี่ยงภาษี หรือไม่  2.เรื่องโฉนดโรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ที่ได้มาโดยชอบหรือไม่ และ 3.กรณีของนักโทษชั้น 14  ก็เข้าข่าย นายกฯจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ซึ่งจะกลายเป็นอีกคดีร้อนรอวันสังหาร “นายกฯแพทองธาร”

นอกจากนี้พรรคประชาชนโดยตัวตึง “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก ยังเกาะติดในการตรวจสอบตึกสตง.ถล่ม  พร้อมออกมาตั้งคำถามว่า ที่นายกฯออกมาบอกว่าจะต้องตอบชาวโลกภายใน 7วัน แต่สุดท้ายเราก็ได้ตอบชาวโลกว่าขอขยายเป็น 90 วัน และสำนักงานสตง.ก็มีเรื่องฉาว ที่สังคมต้องการคำตอบ ตั้งแต่ นอมินี แก้แบบแก้สัญญา ซื้อของแพงและหรูหราโดยไม่จำเป็นไปจนถึงปลอมลายเซ็นวิศวกร เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ประชาชนได้เห็นใครในฟากฝั่งรัฐบาลออกมาสื่อสารบ้างแล้วหรือยัง ตั้งแต่ สส. ไปจนถึงรัฐมนตรี มีใครออกมาพูดอะไรเรื่องการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นทุกระดับนี้บ้างไหม ?

แม้ล่าสุด “นายกฯ”เตรียมออกหมายจับคนผิดทำตึกสตง.ถล่ม หลังถก ‘ตำรวจ-ดีเอสไอ’เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 ขอปชช.มั่นใจรัฐบาลไม่ปล่อยแน่นอน และติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เรื่องนี้ถ้าไม่รีบมีผลสรุปออกมา รัฐบาลลากคอคนผิดออกมารับโทษไม่ได้ คนเสียชีวิตไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะเป็นตราบาปของ “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ตอกย้ำวิกฤติศรัทธาดิ่งเหว กลายเป็นกับดักทางการเมืองของรัฐบาลเอง สุดท้ายประชาชนจะแจกโบว์ดำให้กับรัฐบาล