มีความเป็นมิตรสนุกกันได้แบบวงใหญ่โดยไม่ต้องรู้จักกัน พอเพลงเปิดอยู่ๆ ก็จับกลุ่มเต้นท่าเดียวกันได้แบบน่าอัศจรรย์เหมือนหัดแฟลชม็อบกันมาก่อน ..ความรู้สึก sexy ของสงกรานต์คือการได้ปล่อยตัวปล่อยใจสนุกไปกับคนแปลกหน้าแบบสุดๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่ต้องยังอยู่ในขอบเขตที่ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินกันมา ( ซึ่งในพื้นที่ที่เล่นกันห่ามๆ มันก็มีนั่นแหละ แต่เราต้องรณรงค์ไม่ให้ใช้ความเป็นเทศกาลไปละเมิดใคร )  

การเล่นน้ำสงกรานต์เป็นวิถีที่ฮิตชนิดที่เมื่อถึงเทศกาลเมื่อไร ต่างชาติก็เข้ามาเต็มประเทศเพราะเล่นที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าเมืองไทย บางประเทศก็อยากจัด เช่นที่มีข่าวสิงคโปร์เคยคิดจะจัด แต่จำเป็นต้องซื้อน้ำจืดมาใช้ จนตอนหลังไม่ทราบว่า ได้จัดหรือไม่อย่างไร หรือกัมพูชาที่พยายามจะเคลมสงกรานต์ให้เป็นของตัวเองเหลือเกิน  สงกรานต์ดูเป็นประเพณีที่ดึงดูดต่างชาติเข้าไทยมากที่สุดแล้ว

หลายปีติดต่อกันแล้วที่ย่านสีลมเป็นย่านฮิต พอตกค่ำเท่านั้นนักท่องเที่ยวชายหรือเกย์จำนวนมากเริ่มถอดเสื้อเล่นน้ำ มีผู้หญิงหลงเข้าไปบ้างก็น้อย .. พอต้องถอยจากถนนใหญ่ กลุ่มชาย กลุ่มเกย์ก็เข้าถนนรองที่มีผับบาร์ เช่น สีลมซอย 4 หรือซอย 2 ..ภาพการเล่นน้ำถูกแชร์ลงอินเทอร์เนต ส่วนใหญ่จะมาจากคนที่ไปเล่นน้ำมา ที่ถ่ายมาเยอะกว่าสื่อมวลชนเสียอีก หลายกล้องรูปก็ยิ่งว่อนเน็ต …ภาพที่เผยแพร่ออกไป มีมิติที่ผู้ชายถูกจับจ้องมองแบบ spornosexual คือ การถูกมองรูปร่างดีผ่านการออกกำลังกาย ( sport ) ในเชิงทางเพศ ( porno )

“ความงาม”ของผู้ชาย เป็นสิ่งที่ขายได้ และเป็นที่นิยมมาก “กำลังซื้อ”มาจากผู้หญิงและกลุ่มเกย์ กลุ่มทรานส์วูเมน ภาพความเป็นชายในปัจจุบัน น่าจะเรียกได้ว่า ต้องแยกระหว่างชาย metro กับชาย local หรือจะแบ่งว่า เป็นชายที่รักษารูปร่างหน้าตา กับประเภทชายแท้ที่ยึดมายาคติของเพศสภาพชายดั้งเดิมก็ได้ ( เพศสภาพ คือ บทบาทที่สังคมกำหนดต่อเพศนั้นๆ  เพศสภาพของความเป็นชาย ณ ที่นี้คือไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาเท่ากับบทบาทความเป็นผู้นำ ) สิ่งที่ประกาศความงามของชายคือ “ความนิยมในโลกโซเชี่ยลฯ และการประกวด” ในช่วงกลางปีนี้เราได้เห็นเวทีการประกวดผู้ชายเยอะมาก การประกวดชายไทยยุคแรกๆ ก็มิสเตอร์โดม่อนแมน เพื่อหานายแบบห้องเสื้อ ถ้าเป็นการประกวดที่ดังมากๆ ในต่างจังหวัด ก็เทพบุตรสลุงหลวง ส่วนการประกวดระดับอินเตอร์ เวทีแรกๆ คือ manhunt ซึ่งตั้งเป้าหานายแบบโดยตรง ให้พวก“รุ่นพี่”มาเป็นกรรมการ โดยไม่ต้องเชิญผู้ทรงเกียรติที่ไหนมาตัดสิน

การประกวดเหล่านี้คือ “ใบเบิกทาง”ให้ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเป็นที่รู้จัก ประกวดเวทีนี้ไม่สำเร็จก็เวียนเทียนไปเวทีอื่นที่มีจัดตลอด ถ้าจะเอาเวทีระดับแกรนด์สแลมในไทย ก็มี manhunt , Mr International , Mr Global , Mr Supranational  และเวทีมิสเตอร์อื่นๆ อีกเยอะ ซึ่งบางเวทีก็แอ๊บตั้งชื่อให้คล้ายๆ เวทีดังแล้วชิงไปจดลิขสิทธิ์ ให้คนที่จะซื้อลิขสิทธิ์จริงๆ ปวดกบาลเล่น  เวทีต่างจังหวัดก็ชักจะเยอะ ตอนนี้มีทั้งมิสเตอร์นครพนม มิสเตอร์บุรีรัมย์ หนุ่มโคราช ฯลฯ

ทำไมชายไทยชอบประกวด ? ( ซึ่งก็คงต้องอธิบายรวมถึงเกย์ไทยด้วย )  น่าจะเป็นเพราะชายไทยต้องการ“การมีตัวตน” และการประกวดคือการแข่งขันที่ถ้าใคร“มงลง”ก็ถือว่า มีเครื่องหมาย องค์กรรองรับความหล่อ ความงามของตัวเอง การมีตัวตนในยุคปัจจุบันที่คนเสพติดโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค มันนำมาซึ่งผลประโยชน์หลายอย่าง พูดกันหยาบๆ คือ มีคนติดตามในโซเชี่ยลฯ เยอะขึ้น มันก็ชื่นใจสำหรับมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม การเป็นที่รู้จักในมุมความงาม ก็ทำให้ได้รับสิทธิพิเศษอะไรต่างๆ ง่าย เช่นได้เป็นเซเล่บประจำงาน ได้รับการว่าจ้างเป็นนักรีวิวอาหารสุขภาพ เวย์โปรตีน รีวิวเสื้อผ้า ไปจนถึงได้เป็นนายแบบเดินตามงานต่างๆ ดาราบางคนก็มาจากสายเวทีประกวด เช่น “แจม รัชตะ”ที่โด่งดังจากละคร“คุณชาย”

ย้อนกลับไปที่ spornosexual การเปิดเผยเนื้อหนังมังสาของผู้ชายมีมากขึ้น  ออกกำลังกายมาแล้วก็โชว์ด้วยความภูมิใจ กว่าจะได้รูปร่างแบบนี้เหนื่อยยากมาตั้งเท่าไร กล้ามไม่ใช่ดินน้ำมันปั้นสิบห้านาทีเสร็จ โชว์โพสต์กล้ามสวยๆ นี่ ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือ“เพื่อดึงดูดทางเพศ”  …หลายคนชอบหล่อแบบมาตรฐานเกาหลี ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นราวยี่สิบกว่าปี ดาราชายเกาหลีเก่าๆ ก็ไม่ได้ว่าหล่ออะไรมาก แต่ต่อมา เกาหลีส่งเสริมหนัง-วงการเคปอปส่งขายตลาดโลก ทำให้ต้อง“ปั้นคน”ให้เข้ากับตลาดโลกได้ อย่างผู้ชายก็ต้องสูง 180 ขึ้น รูปร่างที่ไปเล่นกับดาราฮอลลีวู้ดได้ ผิวพรรณอะไรก็เน้นขาว ดูสะอาด หุ่นดี หน้าเนียน เพราะเป็นแบบที่ขายตลาดใหญ่เอเชีย อย่างจีน ญี่ปุ่น ไทย  มาเลเซีย อินโดนีเซียได้ แฟนคลับจีน ไทยทำตัวแบบ“แม่ยก” คือ “ยอมจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนผลงานและความโดดเด่น” เช่นจ่ายโหวตแข่งขัน

มาตรฐานความงามในเอเชียตะวันออก ซึ่งกำลังรวมไทยและเวียดนามไปด้วย คือ “หน้าประถมนมมาร์เวล” หน้าเด็กหน้าอ่อน หน้าใสแต่กล้ามใหญ่ สำหรับไทย ความฮอตฮิตของซีรีย์วาย ทำให้ผู้หญิงชื่นชอบผู้ชายทรง“พระเอกลิเก” เสียมากกว่า คือตัวไม่หนาไป ถ้าเทียบวรรณคดีไทยก็คงแบบพระลอ …ผู้หญิงชอบดูหุ่นผู้ชาย เดี๋ยวนี้หนัง-ละครต้องมีฉากถอดเสื้อเรียกว่า“แฟนเซอร์วิส”ให้เอาไปคุยสนุกๆ ซิกส์แพคใครสวย ..ด้านกลุ่มเกย์จะชื่นชมผู้ชายที่กล้ามใหญ่ และกลุ่มชาย cisgender ( เพศสภาพและเพศวิถีตรงตามกำเนิด ) ก็ชอบการมีกล้าม เพราะใส่เสื้อแล้วดูดี ดึงดูดสายตา

อะไรที่จะทำให้ได้ความงามชายแบบพิมพ์นิยมปัจจุบัน ? อันดับแรกต้องดูแลตัวเองให้ผิวพรรณดูสะอาด ขาวยิ่งดี เมื่อก่อนเขาอาจแซวๆ กันว่า ขาววิ้งเหมือนอาบกลูต้าไธโอน แต่เดี๋ยวนี้เห็นวลีใหม่น่ารักดี “ขาวสะอาดเหมือนอาบน้ำวันละหลายรอบ” ดูสุขภาพอนามัยดีไม่ทำตับพัง ..“ต้นทุนความดูดี” ก็ต้องบำรุงผิวบำรุงหน้า ใช้สกินแคร์ ทั้งกันแดดซึ่งจำเป็นมาก เพราะแดดร้อนเมืองไทยทำดำง่าย ต้องใช้  primer กันหน้ามัน ทำให้รูขุมขนตื้นขึ้น ลงรองพื้นให้เห็น ใช้คอนซีลเลอร์ลบริ้วรอย ลิปมันก็ต้องใช้กันปากแตกเป็นขุย  การพกแป้ง การเขียนคิ้วไมใช่เรื่องน่าอายสำหรับผู้ชายสมัยนี้ บางคนเรียนแต่งหน้าเป็นเรื่องเป็นราว รู้จักใช้  primer spray ฉีดให้เครื่องสำอางติดทน

เสร็จแล้วต้องเซตผม ไม่ใช่หวีนิ้วห้าซี่เสยๆ เอา ต้องคิดว่า จะเอา wet look หรือแบบอื่น ผิวพรรณก็ต้องบำรุงให้ดูเนียนสม่ำเสมอ หรือเอาตามเทรนด์ อย่างมีอยู่ช่วงที่ชอบถ่ายผิวไหม้แดดตัดกับเนื้อในร่มผ้าสีขาว ก็อาจทำเล่นๆ ดูบ้างแต่ดูทรงแล้วเป็นเทรนด์ที่ไม่คงทน เพราะหลายๆ คนผิวแทนใช่จะรอด แล้วมาดูด่างๆ อีกก็ยิ่งพัง ที่สำคัญของผู้ชายคือกลิ่น ดูดีมาแต่เข้าใกล้กลิ่นขี้เต่าแรงก็หมดเสน่ห์โดยพลัน ดังนั้นต้องใส่น้ำหอมช่วย  

ตลาดความงามสำหรับผู้ชายขยายตัวมากขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ความงาม ไปจนถึงด้านการแพทย์ การทำศัลยกรรม ตอนนี้เราน่าจะเข้าสู่ยุคที่ไม่มาจับผิดมาเย้ยหยันกันแล้วว่าใครไปทำหน้ามา มีแต่จะถามว่าทำหน้าที่ไหนจะไปทำบ้าง ยังมีเรื่อง“ปักยา”ให้กล้ามใหญ่อีก หรือทำ shock wave เพิ่มความมั่นใจกับอวัยวะเพศ ขนเยอะมากก็ต้องแวกซ์

ที่ดูเหมือนจะเฟื่องฟูไปกับกระแส“ชายงาม”ด้วยก็คือสถานที่ออกกำลังกาย การเข้ายิม ทั้งเข้าไปเพื่อมีสังคม เข้าไปอวดกล้าม ช่วยเหลือแบ่งปันกันเซฟอีกฝ่ายเวลาเล่นท่ายาก อีกอาชีพที่น่าจะฮิตรับกระแส spornosexual คือช่างภาพ ให้ลองสังเกตดูว่า เริ่มจะมีคนหัดเป็นช่างภาพกันมากขึ้น มีทั้งรับถ่ายภาพทำ portfolio เวลาไปยื่นแคสงานต่างๆ เช่น ไปเป็นนายแบบเดินรันเวย์หรือเป็นนายแบบตามงานปาร์ตี้ นายแบบลักษณะพริตตี้ .. รับถ่ายภาพ sexy ต่างๆ ภาพ nude  ไปถึงถ่ายภาพ sexy เชิงพาณิชย์ เช่นทำโฟโต้บุค ทำ onlyfans  บางเจ้าลงทุนทำสตูดิโอดิบดี  ..สมัยนี้ไม่ค่อยมีกระมิดกระเมี้ยนกันแล้ว ภาพแนว sexy ขายตลาดเกย์ ตลาดหญิง ตลาดทรานส์วูเมนได้ ถ่ายมาก็ไม่ได้ถูกหยามหยันมองเชิงลบ บางคนหน้าที่การงานดีๆ ยังทำ onlyfans เลย บอกว่า “นี่ก็เป็นชีวิตอีกภาคหนึ่งของเขา”และบางคนมีรายได้ตรงนี้เดือนละเป็นแสน

ย้อนไปข้างต้น วงการประกวดความงามชายเปลี่ยนภาพ จากเดิมชายงาม คือการประกวดกล้าม แต่ประกวดชายยุคใหม่คือการประกวดนายแบบ ซึ่งไม่ว่าจะใช้เหตุผลเชิงอุดมคติอย่างไร มันก็หนีภาพใหญ่ของ“การประกวดเพื่อมีตัวตน เพื่อความเป็นที่ชื่นชอบ”ไม่พ้น ในธุรกิจการประกวดความงาม ใครอยากประกวดก็จะลงโพสต์หาสปอนเซอร์ช่วยส่ง ..ซึ่งถ้านึกถึงการประกวดสาวงามเมื่อก่อน ก็อาจขึ้นสายว่า บริษัทโน้นนี้ส่ง ..แต่เดี๋ยวนี้เวทีมันเยอะ ผู้ประกวดก็หาสปอนเซอร์กันเอง แบบมาโพสต์อ้อนขอในพื้นที่โซเชี่ยลฯ ( ส่วนจะต้องแลกกับอะไรเป็นเรื่องที่เขาคุยกันเอง )  หรือถ้าเวทีจัดสปอนเซอร์ให้ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกสินค้าความงาม คลินิกความงามที่เปิดเกลื่อนทั่วกรุง  หรือชุดว่ายน้ำ หรือเจ้าของเวทีทำแบรนด์ของตัวเองก็ให้ผู้ประกวดขายผลิตภัณฑ์ เช่น บางเวทีทำชุดว่ายน้ำขาย

“ผลพลอยได้”อีกอย่างจากการประกวด หรือการมีตัวตนจากการนำเสนอความงาม  ถ้าพูดกันตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องสีเทาสีดำสีขาวอะไร แล้วแต่คนมองดีหรือไม่ หรือมองอย่างไม่ประเมินเพราะมันแค่ปรากฏการณ์หนึ่ง  คือ“ได้คนเลี้ยงดู” ..เคยสังเกตไหม ดูตามอินสตาแกรมก็ได้ ว่า คนหล่อบางคนอยู่ๆ ก็ดูรวยได้ เที่ยวหรู กินแพง มีรถสวย ..เพราะ“การลงทุน”ด้านรูปร่างหน้าตา ดึงดูดให้คนเข้าหา มา“ดูแล”.. บางคนได้“ผู้สนับสนุน”เป็นชาวต่างชาติ แบบรู้จักกันจากสื่อโซเชี่ยลฯ  ก็มีภาพว่าไปเชคอินต่างประเทศบ่อย ..ไม่ใช่แค่เกย์หรือทรานส์วูเมนหรอกที่เปย์ ผู้หญิงก็ใช่ย่อย ถ้าเคยอ่านข่าว เด็กบาร์โฮสต์ตัวทอปบางคนแขกให้รถหรูเลย เพราะเวลาอยู่ในบาร์ต้องแข่งกันเปย์ ถ้าให้น้อยกว่าอีกฝ่ายดูเสียหน้า หรือพอเข้าไปแล้วรู้สึกว่า “ให้เขาแล้วเรามีความสุข” แบบพวกแม่ยกต่างๆ

ที่เล่ามาทั้งหมด ก็คือปรากฏการณ์หนึ่งของยุคสมัย สังคมมีพลวัต จากวันวานที่วิธีคิดเกี่ยวกับความเป็นชายเป็นแบบหนึ่ง แต่มาวันนี้ก็เปลี่ยน ผู้ชายอาจห่างออกจากมายาคติของเพศสภาพชายออกไป.. เพราะโลกวันนี้การมีตัวตนเป็นเรื่องสำคัญ มันสร้างอำนาจในการหาผลประโยชน์และการต่อรองได้ระดับหนึ่ง การใช้มิติทางเพศต่อรองนั้นมีพลังมาก วรรณคดีโบราณทั้งไทยและนอกหลายเรื่องก็เป็นศึกชิงนาง ที่ชิงกันเพราะความต้องการทางเพศนี่แหละ

แต่ละคนมองต่างกันได้ เรื่อง spornosexual ว่าดีหรือไม่ แต่ถ้าเป็นด้านการส่งเสริมให้คนรักสุขภาพ รักความสะอาด รักการดูแลตัวเอง ก็เป็นด้านที่น่าชื่นชม.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่