แน่นอนว่า นี่คือการเดินเกมที่ชาญฉลาด และสมเหตุสมผลสำหรับฝ่ายบริหารของ ลิเวอร์พูล ที่ยอมผ่อนปรนนโยบายบางประการโดยเฉพาะเรื่องค่าเหนื่อยที่พวกเขายังจะจ่ายให้ “บังโม” เกือบ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อรั้งเจ้าตัวเอาไว้ในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไป

            อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องจ่ายค่าจ้างจำนวนมหาศาลถึงเพียงนั้น แต่เมื่อนั่งดีดลูกคิดดูแล้ว มันก็ยังช่วยให้ ลิเวอร์พูล ประหยัดเงินได้มากกว่าการกระโจนลงสู่ตลาดนักเตะเพื่อหาตัวแทนของ ซาลาห์ แน่นอน

            หากไม่เชื่อก็ลองคิดดูเล่นๆ ว่า บนโลกใบนี้จะมีปีกที่เก่งกาจทัดเทียมกับ หรือ เก่งกว่า ซาลาห์ อยู่สักกี่คน และ ลิเวอร์พูล จะต้องใช้เงินมากแค่ไหนในการคว้านักเตะคนที่ว่า มายังถิ่น แอนฟิลด์

            อีกทั้ง ซาลาห์ เองก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่พีคที่สุดในอาชีพ แถมยังมีสภาพร่างกายที่ฟิตเปรี๊ยะไม่แพ้นักเตะวัยหนุ่มรุ่นกระทง และน่าจะลงเล่นในเกมระดับสุดยอดต่อไปได้อีก 3 ปีเป็นอย่างน้อย ดังนั้นไม่ว่า จะมองจากมุมไหนมันก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่ตัดสินใจเก็บ บังโม เอาไว้กับทีมต่อไป

            ส่วน ซาลาห์ ก็ดูจะแฮปปี้ไม่น้อยกับการได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ลิเวอร์พูล เพราะแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่า ยังไม่อยากจะยุติช่วงเวลาในถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์เอาไว้แค่ 8 ปี

            แน่นอนว่า การต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ย่อมทำให้เงินให้ ซาลาห์ ได้ไม่เท่ากับการย้ายไปเล่นในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีสโมสรที่พร้อมประเคนค่าจ้างให้อย่างจุใจถึง 500 ล้านปอนด์

            ทว่ามันก็ดีต่อใจกว่ากันเยอะเพราะ โม ยังต้องการลงเล่นในฟุตบอลระดับสูงสุดต่อไป เขายังอยากกอบโกยความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล ให้มากกว่านี้ เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ในฤดูกาล 2024/25 ตามด้วยการกลับไปไล่ล่าเกียรติยศสูงสุดอย่าง แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลถัดไป

            ที่สำคัญ ซาลาห์ ก็น่าจะยังหมายตารางวัลส่วนบุคคลอย่าง บัลลงดอร์ เอาไว้ด้วย หลังจากที่เคยคว้าอันดับ 5 ได้ 2 ครั้งในปี 2019 และ 2022

            ขณะที่อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญไม่แพ้เรื่องในสนามก็คือครอบครัวของ ซาลาห์ สามารถลงหลักปักฐาน และมีความสุขอย่างมากกับการใช้ชีวิตในเมืองลิเวอร์พูล ในเมื่อทุกอย่างในชีวิตมันลงตัวขนาดนี้แล้ว เงินรายได้ที่มากกว่าจากบรรดาเศรษฐีซาอุฯ มันจะไปมีความหมายอะไร อย่างน้อยก็ในตอนนี้.

แท ยอน