“มิสซิสสร” หรือ “มธุสร” ในละครและนวนิยายเรื่อง “ล่า” อาจเป็นเพียงตัวละครสำหรับคนไทย แต่ในเม็กซิโก แม่ที่แบกไฟแค้นไว้เต็มอกเพราะลูกสาวถูกทำร้ายอย่างมธุสรนั้น มีอยู่จริง
ก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของเม็กซิโก มิเรียม โรดริเกซ เป็นเพียงแม่ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชีวิตต้องเปลี่ยนไปเมื่อลูกสาวของเธอโดนฆาตกรรม
คาเรน อเลฮันดรา ซาลินาส โรดริเกซ ลูกสาวของมิเรียม หายตัวไปในปี 2555 ตอนที่เธอมีอายุเพียง 20 ปี มิเรียมซึ่งพยายามขอความช่วยเหลือพบว่า เจ้าหน้าที่ทางการไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะตามหาตัวลูกสาว เธอจึงตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ในตอนแรก เป้าหมายของเธอไม่ใช่เพื่อการแก้แค้น เธอเพียงต้องการคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเธอ มิเรียมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้คำตอบนั้น
หลังจากการสืบสวนที่ยาวนานด้วยตัวเอง เบาะแสก็นำเธอไปหาสมาชิกของแก๊งอาชญากรชื่อว่า “ลอส เซตัส” ซึ่งเป็นแก๊งค้ายาที่ได้ชื่อว่าอันตรายและมีชื่อเสียงในทางร้ายมากที่สุดแก๊งหนึ่งของเม็กซิโก
มิเรียมสามารถจำกัดขอบเขตการค้นหาของเธอให้เหลือกลุ่มคนเพียงหยิบมือเดียวที่เธอเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวคาเรน
มิเรียมใช้วิธีปลอมตัวและแฝงตัวเข้าไปในแวดวงอาชญากรเพื่อเปิดโปงคนร้าย หลังจากระบุตัวคนที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวลูกสาวได้คนหนึ่งแล้ว เธอก็ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแสร้งทำเป็นว่ากำลังสำรวจข้อมูลในพื้นที่ ระหว่างนั้นก็รวบรวมข้อมูลและหลักฐานจนเพียงพอให้ตำรวจจับกุมเขาได้
เมื่อคนร้ายที่เธอระบุได้เข้าไปอยู่ในห้องขัง เขาก็บอกชื่อคนอื่นๆ ที่มีส่วนรู้เห็นในคดีคนหายของคาเรน หนึ่งในกลุ่มนั้นมีอายุเพียง 18 ปีตอนที่เกิดเหตุ ซึ่งมิเรียมได้นำเอาจุดนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์
เธอใช้ความเป็นแม่ในตัวเองค่อยๆ กล่อมคนร้ายรุ่นเยาว์คนนี้ให้สารภาพและบอกตำแหน่งที่ฝังร่างคาเรนไว้ ซึ่งนำไปสู่ข้อเท็จจริงที่น่าเศร้าว่า ลูกสาวของมิเรียมถูกฆ่าตายจริงๆ ศพของเธอถูกพบในปี 2557 ห่างจากเวลาที่เธอหายไปราว 2 ปี
แต่มิเรียมไม่ได้หยุดเมื่อพบศพลูกสาว เธอยังคงแสวงหาความยุติธรรมให้คาเรนต่อไป โดยติดตามร่องรอยของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมลูกสาวของเธอ
มีรายงานระบุว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยไล่ต้อนผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งไปจนมุมในตรอก เธอจ่อปืนไปที่หลังของเขาและเตือนว่า “อย่าขยับ ไม่งั้นฉันยิงแน่”
มิเรียมใช้เวลายาวนานหลายปีเพื่อไล่จับตัวคนร้ายทั้งหมด 10 คนที่ลักพาตัวและสังหารลูกสาวของเธอซึ่งมาจากต่างแก๊งอาชญากรรม ซึ่งว่ากันว่า คนเหล่านี้พยายามหนีเอาตัวรอดจากการไล่ล่าเพราะสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับคาเรน แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าไปรับกรรมในคุกทั้งหมด

ระหว่างที่เธอตามสะสางแค้นส่วนตัว เธอก็ให้ความช่วยเหลือพ่อแม่คนอื่นๆ ที่ลูกๆ หายตัวไป จนเกิดเป็นองค์กร Colectivo de Desaparecidos ซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือในการติดตามร่องรอยบุคคลสูญหายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของแก๊งอาชญากรรม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกระทำของมิเรียมจะทำให้เธอกลายเป็นดังสัญลักษณ์แห่งความหวังและได้รับการชื่นชมจากครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเพราะแก๊งค้ายาเสพติด แต่ก็ทำให้สวัสดิภาพของเธออยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง
ในวันแม่ของเม็กซิโก (10 พฤษภาคม) ปี2560 มิเรียมเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจระหว่างทางนำร่างของเธอส่งโรงพยาบาล หลังจากที่มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงกระสุนปืนใส่เธอทั้งหมด 12 นัดที่หน้าบ้านของเธอเอง
ที่จริง มิเรียมเองก็คงจะรู้จุดจบของเธอดี แม้เธอจะเคยขอความคุ้มครองและเจ้าหน้าที่ติดอาวุธคอยดูแลในช่วงเวลาหลายปีหลังจากที่กลุ่มค้ายาถูกปราบปราม แต่ครั้งหนึ่งเธอเคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ของสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์สว่า “ฉันไม่สนใจว่าพวกเขาจะฆ่าฉันหรือไม่ ฉันตายไปแล้ว ตั้งแต่วันที่พวกเขาฆ่าลูกสาวของฉัน
“ฉันต้องการยุติเรื่องนี้ ฉันจะกำจัดคนที่ทำร้ายลูกสาวของฉันให้หมด แล้วพวกเขาอยากจะทำอะไรกับฉันก็ได้”
ที่มา : ladbible.com
เครดิตภาพ : San Fernando Missing Persons Activists Collective