เป็นมหากาพย์ยืดเยื้อข้ามปีในกรณีการเลือก สว. ปี 2567 ที่ยังอลเวงไม่เลิก หลังทีม สว.สำรองเดินหน้าร้องเรียนปมฮั้วเลือกสว.ต่อเนื่อง  โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นเป้าหลัก เพราะรับหน้าที่อำนวยการเลือก สว. แต่กลับสร้างความกังขาให้สังคมว่าการเลือกเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่  ล่าสุด “พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว” อดีต ผู้สมัคร สว. ได้พูดผ่านรายการรายการ Dailynews Talk ทางช่องยูทูบ  ชำแหละถึงการทำหน้าที่ของ กกต. ส่อบกพร่องอย่างไรบ้างได้

โดย “พล.อ.ท.คำรบ” เปิดประเด็นว่า ที่ผ่านมาผมเดินทางไปที่กกต.ถึงรอบที่ 3 ที่เดินทางยื่นจมหมายเปิดผนึกใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือเราพบว่าทางนายแสวง บุญมี เลขา กกต.จากกรณีที่พบว่ามีข้อบกพร่องในหลายเรื่อง  และมีการถึงรายงานให้ประธานกกต.ทราบมาโดยตลอด ตั้งแต่วันเลือกสว. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567  แต่เรื่องเงียบไป และมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่าผลการสอบสวนของกกต.ไม่ถูกต้อง ไม่มีมูลความจริงและเรียกว่าเป็นเท็จเลยก็ได้ จึงเป็นข้อพิรุธและข้อสังเกตของเรา

“หากท่านยืนยันตามนี้ก็แสดงว่าท่านก็ต้องร่วมรับผิดชอบในเรื่องนี้ไปด้วย เรื่องว่า กกต.งานเข้าและต้องแก้ข้อกล่าวหานี้ให้ดี ส่วนที่สองคือเรื่องของการเสนอแนะในเรื่องการสืบสวนไต่สวนคดีฮั้ว สว.ให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการขอให้มีการเปิดหีบเลือก สว. เป็นต้น”

มีข้อกังวลว่าทาง กกต.จะปกป้องนายแสวงหรือไม่

ถือว่ามีข้อกังวลเต็มเปี่ยมเลยว่า กกต.จะมีการปกป้อง ดังนั้นในท้ายหนังสือคำร้องของเรา จึงขอให้ประธานกกต. และ กกต.ได้พิจารณาตามข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้เรามีข้อสงสัยว่าทางคณะกรรมการ กกต.เองปกป้องนายแสวง ซึ่งมีข้อบกพร่องต่างๆ นานาทั้งหมด  ความจริงเรื่องไม่ใช่แค่นี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 67 ได้มีผู้ร้องให้ดำเนินการทางวินัยกับ นายแสวง โดยตั้งเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งกรรมการ กกต.ต้องดำเนินการตามมาตรา 53 ให้เต็มที่ เรามองว่าที่ผ่านมานายแสวงปฏิบัติงานไม่คืบหน้าและไม่มีมาตรฐานในหลายๆ เรื่อง เราจึงขอทราบผลการประเมินของนายแสวงที่ต้องมีการประเมินทุกๆ ปี ว่าปีที่ผ่านมาผลการประเมินเป็นอย่างไร

นอกจากนั้นเราอยากให้ กกต.ทำงานอย่างโปร่งใส และเกิดธรรมาภิบาลของหน่วยงาน ซึ่งพฤติกรรมของนายแสวงทั้งหมด เราค่อนข้างไม่ไว้วางใจอย่างมากที่จะให้มารับผิดชอบเรื่องการสืบสวน ไต่สวนการฮั้ว สว.ที่เกิดขึ้น เพราะมีผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมด เราจึงขอว่าให้พักงาน “นายแสวง”ทั้งหมดก่อน แล้วให้คนอื่นเขาทำแทน

@ การทำงานของนายแสวงเท่ากับเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ในความเป็นจริงเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 67 นายแสวงมีหน้าที่เป็น ผอ.การเลือกตั้ง สว.ระดับประเทศ คือ เขามีอำนาจเต็มที่เลย เขามีหน้าที่ต้องจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ต้องไม่ให้เกิดการที่คนเอาโพยต่างๆ เข้าไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย นั่นคือหน้าที่เขา และพล.ต.ท.มนัส นครศรี ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ  ก็มีหน้าที่ คือ ต้องตรวจเจ้าหน้าที่ทุกคนให้เป็นไปตามกฎหมาย และมีหน้าที่ต้องตรวจนายแสวงด้วย เขาไม่ใช่ลูกน้องของนายแสวง และต้องตรวจภาพรวมการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต้องเป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม การที่เขาตรวจพบ

“นายแสวงมีหน้าที่แต่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ จึงเข้าข่ายมาตรา 32 ที่ระบุว่า กรรมการ เลขาธิการ กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ใดๆ ของ กกต. หากมีหน้าที่แล้วหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการตามหน้าที่หรือกฎหมายที่กำหนด มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี ปรับ หมื่น แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งคล้ายกับมาตรา 157 แต่ที่ต้องตราขึ้นมาเพราะการเลือกตั้งเน้นคำว่าสุจริตเที่ยงธรรมเยอะมาก ดังนั้นใครมีหน้าที่และเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ทำตามหน้าที่ตัวเองก็มีความผิดแล้ว ดังนั้นคุณแสวงจึงเข้าข่ายนี้เต็มๆ

@ ความคืบหน้าการร้องเรียนกรณีฮั้ว สว. ต่อ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) อย่างไรบ้าง

เนื่องจากพอเรายื่นจดหมายฉบับที่ 1-3 กกต.ก็ยังอืดอาดอยู่ สว.สำรองด้วยกันจึงมองว่าต้องไปดำเนินการทางอาญา จึงมีคนประสานไปยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. โดยที่ผ่านมาได้มีการสอบปากคำทั้งผู้กล่าวหาและพยานไว้จำนวนหนึ่ง แต่ยังมีผู้สมัคร สว.รวมทั้งพยานยินดีไปเป็นพยานเพิ่มเติม คาดว่าอาทิตย์หน้าจะมีการสอบพยานอีก 4-5 ปาก หลังจากนั้นในส่วนของ ปปป.คงต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ  ส่ง ป.ป.ช.ต่อไป ซึ่งจะไปรวมกับคดีอื่นๆ ของนายแสวง ใน ป.ป.ช. ที่ได้ร้องเรียนไว้  โดยเฉพาะการประกาศรับรอง 200 สว.เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 ซึ่งได้ร้องเรียนต่อ ปปป.และป.ป.ช. ไว้แล้ว

ทั้งนี้ได้มีการร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติชอบ สภาฯ ขอเรียนว่าผมไม่ได้จงเกลียดจงชัง “นายแสวง” แต่ผมมองว่าการปฏิบัติงานของนายแสวงเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการตรวจสอบ ในการที่จะทำให้การเลือก สว.ที่ผ่านมามันสุจริตและเที่ยงธรรม ทำนองว่าท่านคือตัวอุปสรรคสำคัญ

ดังนั้นเมื่อผมร้องไปถึงทั้ง กกต. แต่ กกต.ก็นิ่งเฉย ไม่พยายามไขความจริงให้กระจ่างว่ามันคืออะไร  ที่ผ่านมาผมไปมาเกือบทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นศาลแพ่ง ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ไปมาหมดแล้ว แต่ไม่มีใครที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เลย ในเมื่อมันคาใจอยู่ เราก็ต้องสู้ต่อ และคิดว่าคณะกรรมาธิการฯ คงจะสามารถเชิญทางนายแสวง หรือ กกต. มาซักถามได้ เพราะมีคำถามมากมายที่ถามไปแล้วแต่ก็ไม่เคยตอบ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความกระจ่าง

หลังจากนี้ยื่นเรื่องไปหมดแล้วหาก กกต.หรือนายแสวงยังนิ่งจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เราก็ต้องพยายามใช้ช่องทางของระเบียบกฎหมายที่มีให้มากที่สุด ขณะนี้ในส่วนของ กกต.ที่ได้ยื่นเรื่องไปแล้ว ผมคิดว่าความรับผิดชอบมันก็จะยกระดับสูงขึ้นๆ ไปเรื่อย เดิมที่อยู่ที่นายแสวง ตอนนี้มันเริ่มจะอยู่ที่คณะกรรมการ กกต. และประธานกกต. มันหลีกเลี่ยงไม่ได้  เพราะกฎหมายระบุว่า กกต.มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และผมก็ทราบมาว่าทาง กกต.ได้มีการประชุมลงมติกันมอบอำนาจให้นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เป็นผู้ใช้อำนาจนี้ จึงสรุปแล้วว่านายอิทธิพรต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวแล้ว เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายแสวง จึงฝากถึงนายอิทธิพรว่า หากยังนิ่งเฉย หรือไม่พยายามที่จะแก้ไข ผมคิดว่ามันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมาถึงนายอิทธิพร