ระหว่างศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่ 24-26 มี.ค. มีข่าวชิ้นเล็ก ๆ แต่สะท้อนสังคมลึกๆ รวมไปถึงแวดวงสีกากีได้เป็นอย่างดี จนชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างเห็นใจในโชคชะตากรรมของ “ส.ต.อ.ขาเทียม“ ยังรับราชการตำรวจได้ปกติ แถมยังมุมานะสอบ ชั้นสัญญาบัตร ผ่านทั้งข้อเขียน วิ่ง–ว่ายน้ำ แต่ประกาศผลไม่มีชื่อ!!
ตำรวจหนุ่ม จากโรงพักภูธรใน จ.ชลบุรี คงไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ ตัดสินใจเขียนเรื่องราวตัวเองผ่านทางเพจฯ ในโซเชียล ระบุชื่อ–นามสกุล ยศ ส.ต.อ.ตำแหน่ง ผบ.หมู่สืบสวน เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก.พ. 64 ต้องตัดขาขวาตั้งแต่หัวเข่า ใส่ “ขาเทียม” ทำงานตำรวจด้านเอกสารได้ปกติไม่เป็นอุปสรรคอะไรเดือน ก.ย. 67 กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) รับสมัคร ตำรวจประทวนเป็นสัญญาบัตร ในกลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน จึงได้สมัครสอบทางออนไลน์ เข้าสอบตามขั้นตอนจน สอบผ่านข้อเขียน คะแนนรวม 91 (ตัวจริงตัดที่ 87 คะแนน) ทดสอบสมรรถนะร่างกาย ทั้งวิ่ง ว่ายน้ำ ผ่านหมด
แต่วันที่ 17 มี.ค.68 ประกาศผล ไม่มีชื่อ ระบุมีข้อห้ามว่า ผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้พิการ อันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำรวจหนุ่มยังมั่นใจไม่น่าจะเป็นอุปสรรค อีกทั้งตำแหน่ง สายสอบ (สบ 1) ก็เป็นตำแหน่งด้านเอกสารมากกว่าออกจับ จึงยอมเสี่ยงร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อออนไลน์ เมื่อกลายเป็นข่าวแพร่สะพัด พล.ต.ต.สุนทร สัจพจน์ รอง ผบช.ศ./โฆษก บช.ศ. ได้ร่อนเอกสารชี้แจงสื่อ
โดยระบุเหตุผลของ คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ ประชุมพิจารณาเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้คัดเลือกได้ตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศรับสมัครฯ กรณีของ ส.ต.อ. ปรากฏข้อเท็จจริง ตามประกาศรับสมัครฯ ข้อ 2.6 ไม่เป็นผู้มีร่างกายผิดปกติ หรือพิกลรูป หรือพิการ อันเป็นอุปสรรค ต่อการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่ ส.ต.อ.ไม่ได้ถูกตัดสิทธิการขาดคุณสมบัติตาม ข้อ 2.6 แต่แรก เนื่องจากรับสมัครทางอินเทอร์เน็ตจึงไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น นอกจากนี้ ตามระเบียบการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ผนวก จ. ข้อ 6.2.5 ระบุ “ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยหรืออุปกรณ์เสริม ในการทดสอบใดๆ ทั้งสิ้น…”
ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ขาเทียม ที่ส.ต.อ.ใช้เป็น แบบ Sport วิ่งแข่งขันกีฬา มีน้ำหนักเบา และมีสปริง เวลาวิ่งจะเสริมให้เท้ากระดกไปข้างหน้าถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การวิ่ง ไม่เป็นขาเทียมปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ส.ต.อ.รายนี้ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนถูกต้องตามประกาศ จึงตัดรายชื่อออกจากผู้สอบคัดเลือกได้และไม่มีสิทธิเป็นผู้คัดเลือกได้และผู้คัดเลือกได้สำรอง
แม้ทาง บช.ศ.จะออกมาชี้แจง แต่สังคมต่างยังเห็นใจ รวมถึง ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และประธานฝ่ายกฎหมาย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ถึงกับนั่งรถวีลแชร์ไปหาที่โรงพัก พร้อมจะช่วยด้านกฎหมาย เพื่อเป็นแบบอย่างให้หน่วยงานต่าง ๆ ตระหนักถึงสิทธิของผู้พิการ และป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก ยังดีปัญหานี้ บิ๊กต่าย–พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ก็ไม่ได้มองข้าม สั่งด่วนให้ กองบัญชาการศึกษา และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ไปพิจารณาทบทวนผลการสอบเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรราย ส.ต.อ. ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างยื่นอุทธรณ์ได้
สังคมต่างเอาใจช่วย และเฝ้ารอดูบทสรุปของ “ส.ต.อ.ขาเทียม“ จะลงเอยอย่างไร ? ต้องยอมรับว่า ตำรวจประทวน หลายคนเส้นทางชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ส่วนใหญ่ต่างฟันฝ่าอุปสรรคตั้งแต่สอบ นักเรียนนายสิบ เข้ามาได้แล้วทุกคนก็หวังจะเติบโตก้าวหน้า ยอมเหนื่อยทั้งทำงานแบ่งเวลาเรียนไปด้วย พอจบปริญญาตรียังต้องสอบแข่งขันภายในอีก
กรณี ส.ต.อ.ไร้เส้นสาย แม้ร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่ยังกัดฟันสู้ชีวิตด้วยความสามารถตัวเอง ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มองข้ามไม่ใส่ใจขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นต้นแบบสังคม ความศรัทธาองค์กรสีกากี คงถดถอยลงเรื่อย ๆ!!.
………………………………………….
เชิงผา
