ทั้งนี้ พฤติกรรมหื่นแนว “วิตถาร–วิปริต”นี่อย่าคิดว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย เพราะก็เป็นอีกกรณีที่ “ก่อปัญหาให้สังคม” และสังคมไทยก็น่าจะได้พินิจเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ เพื่อที่จะตระหนักและระมัดระวังป้องกันปัญหา
หื่นแบบนี้น่าโฟกัสทางจิตวิทยา 2 กลุ่ม
กลุ่มหนึ่งมักเรียกว่าพวก “กามวิตถาร”
อีกกลุ่มมักจะเรียกว่าพวก “กามวิปริต”
วันนี้ ณ ที่นี้ชวนย้อนพินิจเกี่ยวกับคน 2 กลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเริ่มที่กลุ่ม “กามวิตถาร” ซึ่งทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มชวนย้อนดูข้อมูลที่ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา ที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้เคยสะท้อนข้อมูลต่อสังคมไทยไว้ โดยสังเขปมีว่า…โดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนก็ล้วนต้องมี “อารมณ์ทางเพศ” เป็นเรื่องปกติ อารมณ์ทางเพศนี่ต่างก็มีกันอยู่แล้วแทบทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง ก็อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะแสดงออกผ่านช่องทางไหน? มีการแสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศอย่างเหมาะสมหรือไม่?-อย่างไร?
สำหรับพวกที่แสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศไม่เหมาะสมโดยเฉพาะที่แสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ทางเพศผิดปกติวิสัยมนุษย์ทั่ว ๆ ไปอย่างการ ใช้ชั้นในใช้แล้วของคนอื่นประกอบกามกิจ ทางนักจิตวิทยาท่านดังกล่าวระบุไว้ว่า…อาจจัดอยู่ในกลุ่มที่ในทางจิตวิทยาเรียกว่ากลุ่ม “เบี่ยงเบนทางเพศ” หรือที่มักถูกเรียกว่า “พวกกามวิตถาร”โดยศัพท์ภาษาอังกฤษของกลุ่มเบี่ยงเบนทางเพศดังกล่าวใช้คำว่า “Fetishism” โดยทางจิตวิทยาถือว่า เป็นผู้มีความผิดปกติทางเพศประเภทหนึ่ง ซึ่งคนที่มีอาการดังกล่าวจะมีความรู้สึก ทัศนคติ ค่านิยม การแสดงออกเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ ที่…
“ไม่เหมาะสม” ที่ “ต่างจากคนทั่วไป”

คำว่า “Fetishism” ทาง ดร.วัลลภ อธิบายไว้ว่า… ยังมีความหมายถึง กลุ่มคนที่ไม่สามารถมีความสุขทางเพศได้เหมือนคนปกติทั่วไป คือไม่รู้สึกพึงพอใจทางเพศกับร่างกายหรืออวัยวะเพศของเพศตรงข้าม แต่จะ มีความพึงพอใจหรือมีความสุขทางเพศมากกว่ากับวัตถุสิ่งของที่มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์ทางเพศ เช่น กางเกงใน ยกทรงหรือสิ่งของอื่น ๆ
“คนกลุ่มนี้มักจะไม่มีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์ แต่จะรู้สึกสุขสมกับการได้สูดดมถูไถสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ทางเพศมากกว่า ซึ่งเมื่ออาการรุนแรงจนยับยั้งตัวเองไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้มีความสุข ซึ่งก็มีทั้งคนที่ใช้เงินซื้อหา…จนเกิดตลาดกลุ่มนี้ขึ้นมา มีทั้งคนที่ออกขโมย” …นักจิตวิทยาท่านเดิมฉายภาพพฤติกรรม “กามวิตถาร”
ถามว่า… “กามวิตถาร” นี้จะ “เป็นอันตรายอะไรต่อสังคมหรือไม่??” ทาง ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ระบุไว้ว่า… ในส่วนของผู้มีอาการเอง…ปล่อยทิ้งไว้เรื้อรังก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในระยะยาว และพฤติกรรมผิดปกติต่าง ๆ นั้นก็เสี่ยงต่อสุขภาพทางกายด้วย ส่วนผลต่อสังคมก็… “อาจเป็นอันตรายได้!!เพราะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อผู้อื่น”
ถัดมาอีกกลุ่มหนึ่ง…คือ “กามวิปริต”กับกลุ่มนี้ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มชวนย้อนดูข้อมูลที่ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ ในฐานะโฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เคยสะท้อนคำอธิบายไว้เมื่อครั้งมีผู้เจอปัญหาจากการที่มีคนพยายาม ลวนลามทางเพศต่อสัตว์ ซึ่งคุณหมอท่านนี้ให้ข้อมูลไว้ โดยสังเขปมีว่า… ถ้าเป็นคนที่ ชอบมีอะไรกับสัตว์ ในทางการแพทย์ถือว่าเป็น“ความผิดปกติทางเพศ”รูปแบบหนึ่งและในทางจิตวิทยาก็ถือว่าเป็นผู้“มีปัญหาทางสุขภาพจิต”ด้วย ซึ่งในภาพรวมมีศัพท์ภาษาอังกฤษเรียกโรคนี้ว่า “Paraphilia” หรือ“โรคความผิดปกติทางเพศ”…
หรือที่มักจะเรียกว่าโรค “กามวิปริต”
กับ “Paraphilia” หรือ “โรคความผิดปกติทางเพศ” หรือที่มักเรียกว่า“กามวิปริต” นั้น ดร.นพ.วรตม์ ระบุไว้ว่า… จำแนกรูปแบบได้หลากหลาย โดยดูที่แรงกระตุ้นทางเพศ-พฤติกรรม ซึ่งนอกจากที่มีแรงกระตุ้นทางเพศโดยต้องการมีเซ็กซ์กับสัตว์แล้ว… คนที่ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับวัตถุ, ชอบถ้ำมองหรือแอบดูคนอื่น, ชอบโชว์อวัยวะเพศในที่สาธารณะ,มีรสนิยมทางเพศซาดิสต์ หรือมีความสุขเมื่อใช้ความรุนแรงกับคู่นอน, ชอบมีเซ็กซ์กับเด็ก …นี่ก็ “พวกกามวิปริต”
ทั้งนี้ ทาง ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ ได้ให้ข้อมูลไว้ด้วยว่า… หากมีลักษณะอาการดังต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีแนวโน้มที่อาจจะป่วยด้วยโรค “กามวิปริต” นี้ได้ กล่าวคือ… 1.มักจะมีจินตนาการเร้าความรู้สึกทางเพศอย่างรุนแรงต่างจากคนทั่วไป, 2.มักจะรู้สึกตื่นตัวจากสิ่งเร้าที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป, 3.อาการดังที่ว่ามานี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และ4.ไม่สามารถหักห้ามจินตนาการที่มีได้ …เหล่านี้เป็น “หลักสังเกตเบื้องต้น” กรณีคนที่อาจเป็นพวกป่วยเป็นโรค “กามวิปริต” ได้ โดยทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มชวนสังคมไทยพินิจพิจารณากันไว้เกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ เช่นเดียวกับคนกลุ่ม “กามวิตถาร”ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 กลุ่มนี้ “ก่อความเดือดร้อน–ก่อปัญหาสังคม” อยู่เนือง ๆ
“วิตถาร–วิปริต”นี่ “อย่าคิดว่าไร้พิษภัย”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคำว่า “กาม”
“หื่นพิสดาร”พวกนี้ก็ “คนอันตราย!!”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์