“ความสุขไม่เพิ่มขึ้นเมื่อคุณถือได้ในมือ แต่มันเกิดขึ้นเมื่อคุณถือไว้ในใจ”
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคที่อาชญากรรมรุนแรงและทวีความซับซ้อนมากขึ้น การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอาศัยยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งจากร่างกายและทรัพย์สิน
ที่น่าสนใจคือแนวทางของตำรวจภูธรภาค 3 ที่ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน หรือ “บิ๊กต๋อง” ผบช.ภ.3 ได้เตรียมพร้อมรับมือกับอาชญากรรมทุกรูปแบบจนนำมาสู่การใช้กลยุทธ์ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” (Stop & Destroy) เพื่อปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร

โดยยุทธวิธีนี้ “บิ๊กต๋อง” เน้นการสกัดกั้นและทำลายภัยคุกคามที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสังคม เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ, อาชญากรติดอาวุธ, กลุ่มผู้ก่อการร้าย และเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ ที่แฝงตัวอยู่ในแนวตะเข็บชายแดน โดยใช้การปิดล้อม หยุดยั้ง และดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับความหมายของ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” (Stop & Destroy) ถ้าจะให้สรุปสั้นๆเข้าใจง่ายก็คือ

สตอป (Stop) สกัดกั้น และหยุดยั้ง ซึ่ง “หยุด!” คือเป้าหมายหลักของขั้นตอนแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสกัดกั้นเป้าหมาย โดยใช้วิธีการ เช่น
ดีสทรอย (Destroy) ทำลายล้างภัยคุกคาม เพราะหากมาตรการ “หยุด” ไม่สามารถใช้ได้ หรือเป้าหมายยังคงก่อให้เกิด อันตรายร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่น 1.ยิงตอบโต้เพื่อหยุดภัยคุกคาม 2.ใช้ยุทธวิธีเฉพาะเพื่อเข้าควบคุมตัว 3.ใช้กำลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย
หลักการสำคัญของ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” ก็คือใช้กำลังตามความจำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ให้โอกาสมอบตัวก่อนเสมอ ใช้แนวทางที่ละมุนละม่อมก่อน และต้องปกป้องประชาชนเป็นอันดับแรก ลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ให้มากที่สุด

ยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” ถูกใช้ในสถานการณ์ใดบ้าง?
ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 1.เครือข่ายค้ายาขนาดใหญ่ที่มีอาวุธหนัก 2.ผู้ต้องหาที่พยายามหลบหนีขณะจับกุม และ3.การขนส่งยาเสพติดข้ามพรมแดน ที่ต้องใช้มาตรการสกัดกั้น
รับมือกับกลุ่มติดอาวุธและผู้ก่อการร้าย 1.กลุ่มที่มีพฤติกรรมก่อเหตุร้ายแรง 2.เหตุการณ์ก่อการร้ายที่มีอาวุธสงคราม และ3.ช่วยเหลือตัวประกันจากกลุ่มอาชญากร

สกัดจับคนร้ายที่พยายามหลบหนี 1.คดีปล้น ฆาตกรรม หรืออาชญากรรมร้ายแรง 2.เหตุการณ์แหกด่าน ที่ต้องใช้มาตรการเด็ดขาด 3.ไล่ล่าผู้ต้องหา ที่ใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
รับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องตัดสินใจรวดเร็ว 1.เหตุกราดยิงหรือการก่อวินาศกรรม 2.บุกช่วยเหลือตัวประกัน 3.เหตุการณ์ที่มีอาชญากร เสี่ยงต่อการก่อเหตุร้ายแรง
แนวทางปฏิบัติของตำรวจอีสานใต้ ภายใต้ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย”

ขั้นตอนแรก วิเคราะห์สถานการณ์ 1.ตรวจสอบข้อมูลและระดับภัยคุกคาม 2.ประเมินผลกระทบต่อประชาชน 3.เตรียมกำลังพลและอุปกรณ์สนับสนุน
ขั้นตอนที่สอง ใช้มาตรการป้องกันก่อนใช้กำลัง 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณเตือนและสั่งให้หยุด 2.วางแผนปิดล้อมและควบคุมพื้นที่ 3.เจรจาให้เป้าหมายมอบตัว
ขั้นตอนที่สาม ตอบโต้ด้วยกำลังในกรณีจำเป็น 1.หากเป้าหมายยิงตอบโต้หรือก่อเหตุร้ายแรง 2.ใช้ยุทธวิธีเข้าปิดล้อมและควบคุมสถานการณ์ 3.เน้นการ “ยิงเพื่อหยุดภัยคุกคาม” ไม่ใช่เพื่อสังหาร

ขั้นตอนสุดท้าย ควบคุมสถานการณ์หลังปฏิบัติการ 1.ดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ 2.เก็บรวบรวมหลักฐานและทำรายงานปฏิบัติการ 3.ตรวจสอบว่ามีการใช้กำลังตามหลักกฎหมายหรือไม่
โดยข้อถกเถียงเกี่ยวกับ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” นั้นแม้ยุทธวิธีนี้จะช่วยลดอาชญากรรมร้ายแรงได้ แต่ก็มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ได้แก่ 1.สิทธิของผู้ต้องหา มีความเป็นไปได้ว่าการใช้กำลังอาจเกินกว่าเหตุ 2.ผลกระทบต่อประชาชน หากปฏิบัติการเกิดขึ้นในพื้นที่พลุกพล่าน 3.ความโปร่งใส ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้กำลังเป็นไปตามกฎหมาย

ยกตัวอย่างปฏิบัติการที่ใช้ “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” อาทิเช่น ปฏิบัติการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งตำรวจภูธรภาค 3 ได้ทำลายเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่ลักลอบนำยาเสพติด เข้าจากลาวและกัมพูชา
หรือเหตุการณ์ไล่ล่าคนร้ายกราดยิงกลางเมืองโคราช ซึ่งหนึ่งในปฏิบัติการที่ต้องใช้มาตรการ “สตอป” ก่อน และหากไม่สำเร็จจึงใช้ “ดีสทรอย”

ยุทธวิธี “สตอป แอนด์ ดีสทรอย” ที่ พล.ต.ท.วัฒนา นำมาใช้กับตำรวจภูธรภาค 3 เป็นมาตรการเชิงรุกที่มีเป้าหมาย เพื่อสกัดกั้นและทำลายภัยคุกคามที่ร้ายแรง โดยมีหลักการคือ ให้โอกาสเป้าหมายมอบตัวก่อนและใช้กำลังเมื่อจำเป็น แต่ทุกปฏิบัติการต้องดำเนินไปภายใต้กรอบกฎหมายและจริยธรรม เพื่อปกป้องสิทธิของทุกฝ่าย และสร้างความมั่นคงให้กับพี่น้องประชาชน
ยุทธวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพและได้ผลมากน้อยแค่ไหนในการปราบปรามอาชญากรรมที่มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในทางทฤษฎีก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี..ส่วนในทางปฏิบัตินั้น..ต้องรอดูผลงานกันต่อไป.
ข่าวสารตำรวจ
ตรวจสำนวนคดี
พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมคณะเดินทางมาตรวจสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสภ.ชุมแพ สภ.สีชมพู และสภ.ภูผาม่าน เพื่อติดตามคดีสำคัญ คดีค้างเก่า เป็นการขับเคลื่อนงานอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา ตามมาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา ตามคำสั่ง ตร. โดยมี พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ ให้การต้อนรับ และนำพนักงานงานสอบสวนเข้า รับการตรวจ ณ ห้องประชุม สภ.ชุมแพ

ห่วงใยคุณภาพชีวิต
พ.ต.อ.ชูชาติ คงเมือง รรท.ผกก.สภ.วังน้ำเย็น เดินหน้าดูแลความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาจัดซื้อโต๊ะอาหารและให้การสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันทุกวัน เพื่อเป็นสวัสดิการ เสริมสร้างความสามัคคี เป็นขวัญกำลังใจเชื่อมความสัมพันธ์ในองค์กรอบอุ่นเป็นกันเองและยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด.
สร้างเครือข่าย
พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว. ชลบุรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในระดับสถานีตำรวจเพื่อสนับสนุนการป้อง กันอาชญากรรม ประจำปี 2568 กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย สภ.พนัสนิคม,สภ.พานทอง,สภ.บ้านบึง และสภ.คลองกิ่ว ที่หอประชุมสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สารีรัตน์ ผกก.สภ.พานทอง พ.ต.อ.ธรรมรัฐ อัครไชยพงศ์ ผกก.สภ.พนัสนิคม นายคมกฤช บริบูรณ์ ประธาน กต. ตร.สภ.พนัสนิคม พร้อมคณะ กต.ตร.สภ.พนัสนิคม อาทิ พ.ต.ท.เอนก วงษ์สละ ,นายพนัส ศุภศิริลักษณ์,นายพิสันต์ เกิดคล้าย กำนันตำบลท่าข้ามและประชาชนเข้าร่วมพิธีเปิดโครง การโดยพร้อมเพรียง
*******************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป