พล.ต.อ.โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของประเทศ กล่าวว่า หน่วยงานรัฐไม่ควรเป็น “สถานที่หลบภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งอ่อนแอ”
ทั้งนี้ การปฏิรูประบบบริหารราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสของเวียดนามเรียกว่าเป็น “การปฏิวัติ” จะทำให้จำนวนกระทรวงและหน่วยงานของรัฐบาล ลดลงจาก 30 แห่ง เหลือ 22 แห่ง โดยข้าราชการ ตำรวจ และกองทัพ จะเผชิญกับการปรับลดครั้งนี้เช่นกัน
ตามข้อมูลของรัฐบาลฮานอย เวียดนามมีเจ้าหน้าที่รัฐเกือบ 2 ล้านคน เมื่อปี 2565 ซึ่งสัดส่วน 1 ใน 5 ของตำแหน่งงานเหล่านี้ จะหายไปในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยพนักงานประมาณ 100,000 คน จะถูกเลิกจ้าง หรือได้รับข้อเสนอให้เกษียณอายุก่อนกำหนด แต่มันยังไม่มีความชัดเจนว่า เวียดนามจะบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร
แม้เวียดนาม ซึ่งเป็นศูนย์การผลิตระดับโลกที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นถึง 7.1% ในปี 2567 และมุ่งเป้าที่จะเพิ่มตัวเลขเป็น 8% ในปีนี้ แต่ความวิตกกังวลก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับความเสี่ยงที่ประเทศอาจได้รับผลกระทบจากภาษี ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์
อนึ่ง เวียดนามมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ภายในปี 2573 และขยับขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2588 กระนั้น ระบบราชการที่ขยายตัวมากเกินไป ถูกมองว่าเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่แคมเปญต่อต้านการทุจริต ก็ทำให้ธุรกรรมประจำวันประสบกับความล่าช้า
เวียดนามยืนยันว่า การลดการใช้จ่ายของรัฐบาล อาจช่วยประหยัดเงินได้มากถึง 4,500 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ (ราว 151,650 ล้านบาท) ในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้แพ็กเกจเงินชดเชยการเกษียณอายุและการเลิกจ้าง จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 168,500 ล้านบาท) ก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้น ข้าราชการชาวเวียดนามจำนวนมากกังวลว่า เจ้าหน้าที่รัฐผู้มีความสามารถมากที่สุด ซึ่งมีทางเลือกในการทำงานที่อื่น อาจเป็นคนที่ลาออกซะเอง
อันที่จริง การปรับปรุงระบบราชการ เป็นนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม มานานเกือบ 10 ปีแล้ว แต่พล.ต.อ.เลิม กำลังผลักดันแผนการนี้ รวมถึงแคมเปญต่อต้านการทุจริต อย่างกระตือรือร้น เข้มข้น และรวดเร็ว
นักวิจารณ์หลายคนกล่าวหาว่า พล.ต.อ.เลิม พุ่งเป้าไปที่คู่แข่งของเขาผ่านการดำเนินการข้างต้น แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับได้รับความนิยมจากประชาชน และบรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า พล.ต.อ.เลิม อาจต้องการเสริมสร้างความชอบธรรมของเขา
อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายยังคงส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเวียดนาม ในด้านความมั่นคง และมันมีความกังวลว่า การปฏิรูประบบบริหารราชการ อาจทำให้เกิดความโกลาหลในระยะสั้นด้วย.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP