การเมืองนาทีนี้เจอศึกหนักประชิดรอบด้าน ทั้ง “ศึกใน ศึกนอก ศึกซักฟอก ศึกเศรษฐกิจ” จึงต้องจับตาการทำหน้าที่ของรัฐบาลจะเกิดการปัญหาระหว่างทางหรือไม่
เริ่มด้วย “ศึกใน” การตีกันเองของพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง ถึงขนาดทำเอา เสี่ยหนู“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เจ้าพ่อคลองหลอดน็อตหลุดด่ากราดหน้าตัวเมีย ส่วนจะฝากถึงใครไปคิดกันเอาเอง
ศึกนี้เริ่มจาก “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ออกโรงลุยตรวจสอบที่ดินในพื้นที่ 4 หมื่นไร่ในทางลับ ออกมาแฉว่ามีการออกโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน หรือที่ ส.ป.ก. ในพื้นที่ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

ซึ่งเป็นพื้นที่ป่ามีโรงแรมชื่อดัง 3-5 แห่ง รีสอร์ตขนาดใหญ่ สนามแข่งรถ รวมถึงสนามกอล์ฟ ตั้งอยู่ในพื้นที่ เบื้องต้นเป็นของ “อนุทิน” อยู่ในพื้นที่ส.ป.ก. จริงแต่ยังไม่ได้พบการกระทำความผิด ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบต่อไป
เกมนี้“ธนดล” ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองและปฏิบัติการปราบออกโฉนด ส.ป.ก. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ค่อนข้างมีอุปสรรคสำคัญ เพราะงานนี้ต้องเผชิญกับอำนาจพิเศษของผู้มีอำนาจ แต่การดำเนินการเพื่อความถูกต้อง
งานนี้เราได้เห็นการแสดงการเล่นใหญ่ของ “ธนดล”แต่เมื่อเจอหน้า “อนุทิน” กันจะๆ ก็ยกมือไหว้นอบน้อมดูเป็นเด็กมีมารยาท แต่คล้อยหลังก็บอกว่าทำไปตามข้อเท็จจริงต้องตรวจสอบไม่ได้ลดลาวาศอก
แต่“ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เด็กในคาถามท.1ออกมาการันตีว่า “ธนดล”ออกมาพูดแล้วว่า“อนุทิน”บริสุทธิ์แต่ขอตรวจสอบต่อถึงที่มานั้น ขอฝากไปถึง “ธนดล”ว่า การที่จะมาตรวจสอบที่มาของการออกโฉนด เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่หากมีการบิดเบือนข้อมูล จนมีผู้เสียหาย ก็เป็นโอกาสที่อีกฝ่าย จะใช้กฎหมายเข้าไปจัดการเช่นกัน
“ฝากเตือนว่า แม้ “ธนดล” จะมีสิทธิตรวจสอบ แต่ประชาชนก็มีสิทธิใช้กฎหมายปกป้องตัวเอง”

กลายเป็นเรื่องร้อนๆ ทำให้คนเอ๊ะกันไปทั้งบาง เกิดเกมต่อรองกันหรือไม่ ใคร เพราะก็รู้ว่า “ธนดล” เป็นเด็กของใคร ติดสอยห้อยตาม ร.อ.ธรรมนัส ที่เข้านอกออกในพรรคเพื่อไทยตามรับใช้ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใครๆก็รู้ ณ เวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย มีเหตุปีนเกลียวกันหลายยก ทั้งเรื่อง สนามกอล์ฟอัลไพน์ เขากระโดง กัญชา เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมแพล็กซ์ การแก้รัฐธรรมนูญ
ที่ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วย ทำเอาองค์ประชุมสภาล่ม 2 วันติด
“เพื่อไทย” รับเกมไม่ทันโดนรุมเละ เพราะต้องการรักษาร่างรัฐธรรมนูญเอาไว้ไม่ให้โดนตีตก จึงต้องเล่นเกมล่มองค์ประชุมทำให้ไม่ครบองค์ แล้วให้ 50 สส.เข้าชื่อ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ดึงเกมร้อนชะลอไว้ก่อน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็เห็นด้วย
ขณะเดียวกันยังเกิดศึกภายใน “พรรคเพื่อไทย” ที่สส.ขย่มเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ “พิชัย นริพทะพันธุ์” รวมถึงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฏร วันมูหะหมัดนอร์ มะทา ซึ่งเป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย จ้องรุมอยู่แล้ว เพราะเจองานงอกจากคลิปหลุด
ทำพรรคประชาชนได้ทีแห่เข้าชื่อถอดถอน “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปธ.ป.ป.ช.) ที่เข้าพบ “วันนอร์” หารือกันกรณีของ“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ยังมีปมร้อนที่ป.ป.ช.ยังตรวจสอบ ปฏิบัติการเอาคืนจากกรณีที่ป.ป.ช.เรียก 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกลถูกแจ้งข้อกล่าวหาม. 112
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นไทม์ไลน์กับการเตรียม “ปรับ ครม.” หลังจบศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมพ่วงการเปลี่ยนตัว “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ที่บรรดาสส.ของพรรคเพื่อไทย จ้องกระชากกลับมา เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยตามเดิม

แต่สถานการณ์การเมืองยังคงต้องจับตากรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ล่องใต้โดยควง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ร่วมลงพื้นที่ จ.นราธิวาส 23 ก.พ.ในฐานะเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน การลงครั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ต้องการแก้ปัญหาชายแดนใต้ แต่ก็ต้องจับตาว่าจะเป็นการดับไฟใต้หรือเป็นชนวนให้เกิดเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น
อย่าลืมว่า “ทักษิณ”เองที่ทำให้ไฟใต้ลุกโชนมาถึงทุกวันนี้ด้วยวาทะกรรม “โจรกระจอก” พร้อมกับการยุบกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 (พตท.43)
ขณะเดียวกันยังเจอ “ศึกนอก” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รัฐบาลทำสงครามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เรื่องนี้ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลไทยจะจัดการอย่างไร การออกมาตรการขึงขังจะจัดการได้แค่ไหน เพราะถ้าสาวไปจริงๆ อาจจะไปเจอพวกไทยเทาด้วยกันเองหรือเปล่า ศึกนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องทั้ง “ความมั่นคง” และความ “เชื่อมั่น”ของประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ยังมีศึกนอกที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถูกยึดโดยกลุ่ม อิสราเอล ปาเลสไตน์ ไปอยู่จำนวนมากสร้างปัญหาให้กับคนพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา ไม่ใช่ออกมาปัดกันเป็นพัลวัน ว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวไม่ใช่พวกที่จะมายึดพื้นที่และสร้างปัญหา
แต่ที่แน่ๆต้องมาเจอ “ศึกใหญ่ศึกซักฟอก” ที่ พรรคฝ่ายค้าน โดย “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาประกาศขึงพืด “นายกฯอิ๊งค์” แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลางสภาคนแรก
ซึ่ง“นายกฯอิ๊งค์” ก็ได้มีการหารือมีการเก่งข้อสอบเตรียมรับมือฝ่ายค้านเอาไว้แล้ว พอหลังเสร็จศึกก็อาจจะมีการโยงเข้าไปสู่โหมดการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เขย่าเก้าอี้รัฐมนตรี พร้อมกับก็จะมีการแลกโควตาประธานสภา
ที่สำคัญยังมี “ศึกเศรษฐกิจ” ที่“ดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาชี้ว่า เศรษฐกิจไทยหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไทย ปี 2567 ขยายตัว 2.5% ต่ำกว่าการคาดการณ์ของสภาพัฒน์เองที่ 2.6% (คาดการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567) และต่ำสุดในประเทศอาเซียนอื่นๆ ที่มีการเปิดเผยตัวเลข GDP อย่างเป็นทางการ

สาเหตุที่ GDP ปี 2567 โตต่ำกว่าคาดเป็นผลมาจาก GDP ไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดอยู่ที่ 3.2% เท่านั้น โดยสาเหตุหลักมาจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งครองสัดส่วนใน GDP สูง ‘ขยายตัวต่ำกว่าคาด’ โดยขยายตัวเพียง 0.2% เท่านั้น รวมไปถึงการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวถึง 2.1%
งานนี้ “นายกฯอิ๊งค์”จึงต้องปลุกความเชื่อมั่น โดยขอให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน พร้อมพูดถึงมาตรการที่รัฐบาลเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ประชาชนก็ยังรู้สึกว่าไม่อะไรดีดีขึ้น
แต่ยังเกิดคำถามคาใจว่า มาตรการที่รัฐบาลอัดฉีดลงในโครงการแจกเงินหมื่น เฟส 1 เฟส 2 ไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คาดการไว้ นอกจากนี้กลุ่มนักธุรกิจมาลงทุน ตามที่ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายรัฐมนตรีไปโรดโชว์ ไว้ก็ยังไม่เห็นผล จนประชาชนไม่อยากจะเชื่อลมปากมีเพราะเห็นแต่น้ำลาย แล้วอย่างนี้ ประชาชน จะมีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี กี่โมง