รัฐบาลสาละวนอยู่กับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงของประเทศ ที่ถูกชาวโลกมองว่าเป็นประเทศทางผ่านพวกอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งโจทย์ใหญ่ที่ “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องเร่งจัดการ เพื่อให้รู้ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนและจัดการจริงจังและได้ออกมาตรการต่างๆออกมา ซึ่งต้องรอพิสูจน์ว่าจะเป็นการปราบปรามได้จริงหรือไม่ และเอาจริงแค่ไหนจะเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟางหรือไม่

วันนี้ “ทีมข่าวเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจเพื่อสังคม (ดีอี) เพื่อบอกถึงแนวการประกาศการจัดการ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”และ พวกอาชญากรรมข้ามชาติ ของ “รัฐบาลแพทองธาร” ประชาชนจะฝากความหวังได้ไหม และจะขุดลากถอนโคลนจัดการได้สิ้นซากหรือไม่

โดย “ประเสริฐ รมต.ดีอี” เปิดประเด็นว่า รัฐบาลมีความตั้งใจ ในการปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง สังเกตเห็นได้ว่านโยบายที่ออกมา เป็นการบูรณาการร่วมกันในหลายกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ อย่างเช่น มาตรการการตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตรวมถึง ไม่ส่งจ่ายน้ำมันให้ ถือว่ามาตรการที่ออกมามีผลลัพธ์ที่ดี หลายคนอาจมองว่า เป็นการจัดการปัญหาปลายทาง เรื่องนี้เราจะต้องตัดวงจรทั้งหมด ดำเนินการทางการป้องกันและปราบปราม ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ตัดทุกช่องทาง ที่มิจฉาชีพจะใช้ประโยชน์ ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน และทางกระทรวง ดีอีนี้มีมาตรการที่เราออกไปหลายอย่างเช่น มาตรการ “ซิม สาย เสา” 

อย่างเช่น ซิมโทรศัพท์เรามีการออกมาตรการหลายอย่าง บุคคลใดที่ถือครองเกิน 6 ซิมขึ้นไป จำเป็นจะต้องแสดงตน และใครที่มีการใช้โทรศัพท์มากเกินกว่าปกติที่เกิน 100 ครั้งต่อวัน ก็จะสอบถามทันที นอกจากนี้ยังได้มีการประสานไปยังเครือข่าย โทรศัพท์ ว่า ต่อไปนี้การยืนยันตัวตน คือเรื่องสำคัญไม่ใช่ว่าจะขายให้ใครก็ได้

เรื่องสาย อินเตอร์เน็ต หากพบการกระทำผิดที่อยู่ใต้ดิน จะดำเนินการตัดทันทีไม่มีการปรานีปราศรัย สำหรับการส่งคลื่นสัญญาณ หากตรวจพบว่า ส่งไปยังสถานที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะทำการลดเสาสัญญาณลง และให้หันหน้าจานกลับมายังฝั่งไทย เพื่อไม่ให้กระจายไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน  ซึ่งทาง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็ได้นำเครื่องตรวจจับสัญญาณมาแสดงให้ดูว่าไม่มีสัญญาณส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

@ ที่ผ่านมามีการตั้งคำถามว่าทางกสทช.ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ดูจะไม่สนใจและนิ่งเฉยกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีคนออกมาเรียกร้องให้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะมองว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่และผิดต่อมาตรา 157

จริงๆแล้วกสทช.มีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้เป็นประจำ เพราะมีหน่วยงานอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ที่จะต้องหมั่นตรวจตราโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และอย่างการลงพื้นที่ที่จังหวัดสระแก้วที่มีพรมแดนติดกับปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งทางกระทรวงก็ได้กำชับให้มีการตรวจตราและหากมีการลักลอบ ส่งหรือใช้สัญญาณ ก็ให้ดำเนินการตัดสายสัญญาณนั้นทันที ส่วนสายสัญญาณที่มีการพาดไปยังฝั่งตรงข้าม หากเช็คแล้วพบว่า มีการส่งสัญญาณไปยังตึก 25 ชั้นที่ปอยเปตและมีการกระทำผิดก็จะตัดทันที

ทั้งนี้เราจะได้เรียกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ซึ่งก็จะต้องสอบถามยัง กสทช.ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการละเลยหรือไม่ และภายหลังจากนี้ได้กำชับให้ทางกสทช. รายงานผลการดำเนินการเรื่องการส่งสัญญาณ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้นถูกต้องหรือไม่โดยจะให้รายงานทุกสัปดาห์ เพื่อจะได้นำมาชี้แจงต่อประชาชน

@ รัฐบาลได้มีมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาหรือไม่

หนึ่งมาตรการในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้คือธนาคาร ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีมาตรการในการเปิดบัญชีที่มีขั้นตอนเพิ่มมากขึ้นและยากขึ้น ไม่ใช่ว่าใครมาเปิดก็เปิดได้ และธนาคารก็จะต้องแจ้งข้อมูลให้กับสำนักงานและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ทราบ ทันทีที่พบว่ามีข้อมูลต้องสงสัย ในการกระทำความผิด ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ปรากฏอยู่ในพระราชกำหนดด้วย และหากยังนิ่งเฉยและไม่ดำเนินการก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น

@ การที่ทางการจีน ลงมาตรวจดูพื้นที่เป็นการกดดันประเทศไทยให้จริงจังต่อการแก้ปัญหาหรือไม่

ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เป็นการกดดัน และทางการจีนเองก็มีกลุ่มจีนเทาที่อยู่ในประเทศเมียนมา ซึ่งเขาก็ต้องดูแล และดำเนินการปราบปรามเรื่องนี้มองว่า เป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย และจากการที่ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ซึ่งทางการจีนเองก็ชมรัฐบาลไทยในการดำเนินการที่เด็ดขาด เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ

เมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ของจีน และได้ปรารภถึงกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีอยู่ในประเทศชายแดนทั้งหมด โดยเราก็มีการประชุมร่วมกัน และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการทำงานและแลกเปลี่ยนข้อมูล นอกจากนี้เองประเทศไทยก็ยังเป็น “ประธาน ขับเคลื่อนนโยบายปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคอาเซียน” ปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นปัญหาระดับภูมิภาค

@  การจัดการครั้งนี้จะเป็นแค่ไฟไหม้ฟางหรือไม่

ไม่อย่างแน่นอน เพราะครั้งนี้เราดำเนินการกันอย่างจริงจัง เราต้องการให้เห็นผลอย่างชัดเจน ไม่เป็นไฟไหม้ฟางแน่นอน เพราะวันนี้เราจะตัดวงจรต่างๆ ส่วนที่ หลายคนมองว่า หากกำจัดไปได้แล้วแต่เมื่อเว้นระยะห่าง และลดการเอาจริงเอาจังลงปัญหาเหล่านี้ก็จะกลับมานั้น ต้องบอกว่าเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องที่จะต้องทำอยู่ตลอด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและยังเป็น ภารกิจหลักของกระทรวงดีอีที่จะต้องดำเนินการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็จะต้องทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพราะการป้องกันและการปราบปรามจะต้องดำเนินการควบคู่กันไป จะดำเนินการโดยกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นไปไม่ได้

อีกทั้งการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการพัฒนาไปเร็วซึ่งเราจะต้องทำให้ ประชาชนไปเร็วกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยการดำเนินการให้เร็ว และใช้เครื่องมือสมัยใหม่ และเมื่อรู้แล้วว่ากระบวนการนี้มีใครอยู่เบื้องหลังหรือดำเนินการอย่างไรก็จะต้องนำข้อมูลออกมาชี้แจงต่อสังคมเพื่อให้รับมือทัน

@ จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้จริงไหมเพราะเป็นปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน

มันคือความท้าทายของรัฐบาล คือความท้าทายที่เราจะต้องทำให้ได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปัญหาอาชญากรรม เรื่องยาเสพติด รัฐบาลก็จะต้องแก้ให้ได้ ซึ่งเราจะต้องมีการลงพื้นที่ไปดูว่ามีการดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดและทำตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก

เราดำเนินการบูรณาการร่วมกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางด้านเศรษฐกิจสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัย ที่ถือว่าเป็นภาพลักษณ์ที่สำคัญของประเทศไทยนี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ อย่างไรก็ตามกลไกต่างๆของภาครัฐก็จะต้องมีการขับเคลื่อน ให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจ

@ จะฝากอะไรถึงประชาชนให้เกิดความมั่นใจต่อรัฐบาล

ขณะนี้ทางกระทรวงกีอี  มี “เอโอซี140”  สำหรับการรับแจ้งเหตุ ของประชาชนที่ได้รับการคุกคามทางอาชญากรรมออนไลน์ ส่วนตัวอยากให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อเกิดเหตุแล้วรีบโทรจะให้เว้นว่างไป 2-3 วันก็อาจจะเกิดความล่าช้าได้เพราะหากมีการเปลี่ยนบัญชีรับเงินแล้วการติดตามทวงเงินคืนนั้นก็จะเป็นไปได้ยาก ขอประชาชนอย่ามัวเขินอายหากได้รับผลกระทบจากเรื่องเหล่านี้ให้รีบแจ้งทันที