สมราคา! อดีตรองผู้บังคับการกองปราบปราม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดีเอสไอรับเรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 67 มิชอบด้วยกฎหมาย เป็น “คดีพิเศษ” ว่าเป็นเรื่องเก่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประสานงานมายังดีเอสไอ ปัจจุบันสามารถรวบรวมหลักฐานได้ค่อนข้างมาก โดยมีหลายกลุ่มและหลายข้อหา สำหรับดีเอสไอจะพิจารณาเรื่องของความผิดตามมาตรา 113 คดีฟอกเงิน และคดีอั้งยี่
ส่วนความผิดตามกฎหมายการเลือกตั้ง กกต.จะรับไปดำเนินการเอง หรืออาจรวมให้ดีเอสไอทำก็ได้ ถือว่าให้องค์กรที่มีความเป็นกลางทำหน้าที่สอบสวน
หลังจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 68 กลุ่ม สว.สำรอง หรือ “กลุ่ม สว.เพื่อประชาชน” นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้ายื่นหนังสือที่ดีเอสไอ ให้เร่งรัดคดี “โพยฮั้ว” การเลือกตั้ง สว. ปี 67 ให้เป็นคดีพิเศษ
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่าการเลือกตั้ง สว. ในเดือนมิ.ย. 67 จนถึงวันนี้กว่า 230 วัน มีการร้องเรียนมาตลอด ทั้งการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต ไม่เป็นธรรม เรื่องคุณสมบัติต่าง ๆ ประมาณ 570 เรื่อง โดย กกต.ได้ยุติคำร้อง และยกคำร้องกว่า 200 เรื่อง
ดังนั้นจึงยังเหลือประมาณ 300 กว่าเรื่อง ที่ยังอยู่ในส่วนการตรวจสอบของ กกต. แต่ตอนนี้เหลือเวลาประมาณ 100 กว่าวัน จึงตั้งข้อสงสัยว่า กกต. จะสืบสวนสอบสวนภายใน 100 วัน กับเรื่องกว่า 300 เรื่อง ให้เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมได้หรือไม่
เนื่องจากกลุ่มขบวนการฮั้วโหวต บล็อกโหวต สว. จัดทำโพย เป็นกลุ่มเครือข่ายขนาดใหญ่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย มีการกระทำผิดหลายพื้นที่ ต่างกรรมต่างวาระ ดำเนินการอย่างปกปิดเร้นลับ
มีการนัดหมายเฉพาะกลุ่ม มีการจ่ายเงินให้กัน มีการนัดไปนอนตามโรงแรมต่าง ๆ รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการนัดจัดทำโพย เขียนโพย มีการวางแผนตั้งแต่ก่อนเลือก สว. ระหว่างการเลือก สว. และหลังการเลือก สว. ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีพฤติการณ์ควบคุมกำกับในการลงมติหรือลงคะแนนต่าง ๆ ด้วย
“พยัคฆ์น้อย” เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สว.สำรอง มีการชูป้ายข้อความว่า “กกต.ทำไม่ได้ ให้ DSI ทำเถอะ” ดังนั้นจึงต้องฝากไปยัง กกต. ทั้ง 7 คน ช่วยตรวจสอบและสอบสวนอย่างเร่งด่วน ว่ามี “ไอ้โม่ง” หรือ “กลุ่มคน” ในสำนักงาน กกต. ละเว้นหรือบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่?
มีใครนั่งทับสำนวนคดีการฮั้วเลือก สว. เมื่อปี 67 หรือเปล่า? โดยมี “ขาใหญ่” ช่วยวิ่งเคลียร์ ช่วยอุ้ม “ไอ้โม่ง” ในสำนักงาน กกต.ไว้หรือไม่?
ทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถยึด “สภาสูง” ได้อำนาจมาโดยไม่เป็นไปตามวิถีทางของประชาธิปไตย ด้วยพฤติการณ์อั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน มีการวางแผน แบ่งแยกหน้าที่กันเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน จดชื่อผู้สมัครใส่ในโพยที่เป็นกระดาษและตามร่างกาย นัดไปเจอกันที่โรงแรมไหนบ้าง เขารู้กันหมด!
ที่ผู้คนสงสัยว่ามีการฮั้ว! เพราะจะเป็นไปได้จริงหรือที่ จ.บุรีรัมย์ จะมี สว. 14 คน มากที่สุดในประเทศไทย และ จ.อ่างทอง มีประชากร 2.7 แสนคน แต่กลับมี สว. 6 คน …งานนี้ 7 กกต. ต้องเร่งสอบสวนถ้ามีอะไรซิกแซกบิดเบี้ยว ก็ต้องเช็กบิลเพราะเป็นไปได้หรือไม่ที่อาจมี “ไอ้โม่ง” ในสำนักงาน กกต.!!
……………………………………………..
พยัคฆ์น้อย