คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษา ที่สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ จำเลยที่ 2, พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ อดีตภรรยาของตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 8 กับพวกรวมกันเป็นจำเลยที่ 1-25

ในความผิดฐาน สมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

จากกรณี เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นผับ “จินหลิง” ย่านสาทร พบและยึดยาเสพติดประเภท 1, 2 และ 4 พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการ และอาวุธปืน จากการสอบสวนพบเป็นเครือข่ายของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยมีนายตู้ห่าวกับพวกจำเลย ร่วมกันกระทำความผิด

โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย. 63-1 พ.ย. 65 จำเลยร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์อาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันกระทำผิดร้ายแรง ได้มาซึ่งทรัพย์สิน มุ่งหมายการอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยจำเลยทั้ง 25 ร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนำคนกัมพูชามาทำงาน และให้คนจีนมาเที่ยวในแหล่งบันเทิงที่จำเลยร่วมกันเปิด มีการจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ มียาเสพติด เมทแอมเฟตามีน, เคตามีน, ไนเมตาซีแพม, โคลนาซีแพม, สารซีเมทิลีน เพื่อการค้า

ร่วมกันจัดหาเงินทุนเพื่อจัดซื้อยาเสพติด สถานที่เสพ สถานที่เก็บยาเสพติด ชักชวนลูกค้าจากต่างประเทศมาเที่ยวและเสพยา โดยกระทำผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกว่า 300 ครั้ง เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด มีปืนแบลงก์กัน เครื่องกระสุนปืน ร่วมกันเปิดสถานบริการ “จินหลิง” โดยไม่ได้รับอนุญาต และรับคนต่างด้าว 27 คน มาทำงานโดยผิดกฎหมาย

เหตุทั้งหมดมันเริ่มมาจาก ช่วงปลายเดือน ก.ย. 65 เกิดเหตุนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดที่สถานบริการท็อปวัน ย่านรัชดาภิเษก ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีความเชื่อมโยงกับสถานบริการ จินหลิง จึงเป็นเหตุให้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 65 พบว่าเป็นสถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวเสพยาเสพติด โดยมีการนัดหมายผ่านโปรแกรม WeChat และ telegram มีการดัดแปลงอาคารเป็นห้องคาราโอเกะ 12 ห้อง

นักเที่ยวเป็นชาวต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวจีน 200 คน มีจำนวน 100 คน ที่พบปัสสาวะสีม่วง มีคนไทยคนจีนและเมียนมาเป็นพนักงาน พบว่า ตู้ห่าว เป็นผู้ครอบครองอาคารจินหลิง โดยพบบัญชีของธนาคารในการชำระเงินค่าบริการและจ่ายค่ายาเสพติด และโอนเข้าบัญชีที่มีลักษณะเป็นบัญชีม้า โดยมีบุคคลอื่นทำธุรกรรมแทนชื่อเจ้าของบัญชีและมีการโอนเงินเกี่ยวพันกับร้านท็อปวัน

ฝ่ายโจทก์ระบุว่าจำเลยทั้ง 25 เป็นอั้งยี่และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่โจทก์ไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 25 มีการสั่งการหรือควบคุมการกระทำความผิดในสถานที่ใด ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด แบ่งหน้าที่กันอย่างไร ได้ความแต่เพียงว่า ก่อนเข้าจับกุม 2 สัปดาห์เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปภายในร้านจินหลิงได้ จึงต้องทำการขอศาลออกหมายค้นเข้าตรวจค้น

ทำให้ พยานหลักฐานในเรื่องการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจึงมีน้ำหนักน้อย การตรวจค้นที่ร้านพบชาวต่างด้าวและยาเสพติด เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานยึดยาเสพติด ปืนแบลงค์กันและวิทยุสื่อสาร แม้ให้การรับสารภาพในข้อหานี้ แต่ก็ไม่สามารถลงโทษในความผิดฐานองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้

ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบ ตู้ห่าว อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่โจทก์เบิกความว่า ตู้ห่าว เป็นผู้ครอบครองร้านในฐานะผู้เช่า เห็นว่าในทางนำสืบของโจทก์ บอกว่า ตู้ห่าว ได้รับโอนเช่าร้านจินหลินเมื่อปี 2562 ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 จากนายสิทธิกร ซึ่งเป็นลูกหนี้มีกำหนดเช่า 3 ปี แทนการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ ตู้ห่าว ครบกำหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าเมื่อปี 2564 อาคารดังกล่าวจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ ตู้ห่าว โดยโจทก์ไม่ได้นำตัวนายสิทธิกรมาเบิกความเพื่อให้ทนายความ ตู้ห่าว ซักค้านอีกด้วย

เมื่อศาลพิพากษาให้ “ยกฟ้อง” จำเลยที่ 2 ซึ่งก็คือ “ตู้ห่าว” คงต้องจับตาดูว่าคดีนี้จะเป็นอย่างไรกันต่อไป เพราะ “คดีแพ่ง” ที่ทาง ปปง.เคยยึดและอายัดทรัพย์สินเอาไว้นั้น ก็ยังคงยึดและอายัดไว้ต่อ ไม่ได้ยกด้วยตามคดีอาญา.

ข่าวสารตำรวจ

ประกาศเกียรติคุณ
พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ มอบประกาศเกียรติคุณให้กับ จ.ส.ต.พฤทธ์ พรมมา ผบ.หมู่ (จร.) ปฎิบัติหน้าที่งานสืบสวน สภ.ชุมแพ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นด้านงานสืบสวนสอบสวน ของ ตร. และ ภ.4 ในงานประชุมชี้แจงข้อราชการ มอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ประจำเดือน และแนวทางการทำงาน “งานดี สุขภาพดี มีเกียรติ” ณ ห้องประชุม สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น

ห่วงอนาคตของชาติ
พ.ต.ท.ภาคสุวัฒน์ ถุงน้อย รองผกก.สืบสวน สภ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำ รวจชุดสืบสวน สภ.เกาะจันทร์ แสดงความห่วงใยและใส่ใจอนาคตของเยาวชนไทย ด้วยการมอบทุนการศึกษา ชุดกีฬา และอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านนาเมือง เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เด็กๆได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยมี นางสาวอรุณรัตน์ พุ่มเจริญ นายอำเภอพนัสนิคม และบุตรชาย ร่วมด้วย ซึ่งมี ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู นักเรียน และผู้ปกครอง ร่วมให้การต้อนรับ เมื่อวันก่อน

ผบช.ภ.2 เปิดศูนย์ NRM
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) เป็นประธานเปิดศูนย์ NRM (National Referral Mechanism) ตั้งอยู่ที่ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งจะเป็นศูนย์ประสานงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักท่องเที่ยวต้องเผชิญ เช่น การถูกหลอกลวง โดนโกง ทำของหาย หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ รวมถึงความเดือดร้อนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งศูนย์ประสานงานแห่งนี้ขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์.

**************************
คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป