เรียน คุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือ
ผมอายุ 43 ปี แต่งงานมาได้ 4 ปีแล้ว ภรรยาอายุ 36 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนนี้อายุได้ 3 ขวบแล้ว ผมมีร่างกายแข็งแรงปกติ แต่ประวัติครอบครัวนั้นพ่อกับแม่เป็นเบาหวานทั้งคู่ ตอนนี้พี่ชายคนโตก็เป็นเบาหวานเช่นกัน  ผมมีปัญหาที่คาใจอยากจะเรียนถามคุณหมอคือว่าผมเริ่มมีอาการที่ชาวบ้านเขาเรียกว่านกเขาไม่ขันมาประมาณ 1 ปีเศษ ไม่กล้าไปปรึกษาใครเพราะอายจึงพยายามหาซื้อยาเฉพาะกิจทางอินเทอร์เน็ตมาใช้เอง  ใช้ยาดังกล่าวต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วใจก็เริ่มกังวลเพราะคิดว่าตัดสินใจเองโดยไม่มีความรู้ทางแพทย์ จึงอยากถามคุณหมอว่าการใช้ยาเฉพาะกิจไปนาน ๆ นั้นจะมีผลต่อตัวอสุจิหรือไม่เพราะยังอยากมีลูกอีกคน

ด้วยความนับถืออย่างสูง
ธนาวุฒิ

ตอบ ธนาวุฒิ
ปัญหาของชายวัย 43 ปีคือมีอาการอีดี แล้วหาซื้อยาเฉพาะกิจกินเองโดยไม่ได้รับความรู้เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้องจากแพทย์ หรือเภสัชกร จึงทำให้เกิดความกังวลว่าหากกินยาเฉพาะกิจไปนาน ๆ แล้วจะมีผลเสียต่อตัวอสุจิ อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ของภรรยาได้ การขาดความรู้คำแนะนำที่ดีถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ยาทำให้ผู้ใช้ยาหลายคนคิดไปต่าง ๆ นานาว่าจะเกิดผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เรื่องการแพทย์คนไข้ก็ควรปรึกษารักษากับแพทย์ทำให้มั่นใจและสบายใจไร้กังวลจากการใช้ยาแล้วอาการที่เป็นอยู่ก็ฟื้นตัวได้ดีขึ้น แต่ชายอีดีที่ขาดความรู้ก็จะตัดสินใจเอง คิดเอง เออเอง แล้วสุดท้ายอาการก็ไม่ดีขึ้นบางรายก็เกิดการดื้อยาตามมา บางรายก็มีโรคแทรกซ้อนตามมาที่อันตรายคือโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุของอีดีก็จะไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้รับการป้องกันไม่ให้เกิด

จากการศึกษาของการใช้ยาเฉพาะกิจพบว่ายาดังกล่าวไม่มีผลต่อตัวอสุจิแต่อย่างใด ซึ่งได้ศึกษาในผู้ชายที่มีอาการอีดีจำนวน 196 รายโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มให้ใช้ยาปลอมมีแต่แป้งชนิดแรก ชนิดที่สองคือยาซิลเดนาฟิล 100 มก. และชนิดที่สามคือยาวาร์เดนาฟิล 20 มก. วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงสถิติก่อนและหลังใช้ยาในเรื่องความเข้มข้นของตัวอสุจิ การเคลื่อนที่ รูปร่าง และจำนวนทั้งหมดที่เคลื่อนที่

นอกจากนี้แล้วไม่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชายระหว่างทั้ง 3 กลุ่มที่ศึกษา แต่การศึกษาของยาเฉพาะกิจต่อทารกในครรภ์มารดานั้นได้มีการศึกษาแค่ในสัตว์ทดลอง ซึ่งผลที่ได้ไม่ได้มีผลเสีย การรักษาอาการอีดีด้วยยาเฉพาะกิจนี้ควรได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ เพราะจากประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน ซึ่งอาการอีดีที่เป็นอยู่ทั้ง ๆ ที่ร่างกายแข็งแรงอาจเกิดจากการมีโรคแอบแฝงที่ยังไม่แสดงอาการให้เห็นได้โดยเฉพาะเบาหวานแอบแฝง

นอกจากนี้ระดับฮอร์โมนเพศชายที่เริ่มลดลงเมื่อผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป หากมีเบาหวานแอบแฝง หรือฮอร์โมนต่ำก็อาจทำให้เกิดการดื้อต่อยาเฉพาะกิจได้ง่ายและเร็วขึ้น คือกินยาแล้วไม่เกิดการแข็งตัว แพทย์จะได้แนะนำวิธีการรักษาอื่นควบคู่กันไปเพื่อไม่เกิดภาวะดื้อยา ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด และวิธีฟื้นฟูกล้ามเนื้อเพศ หากไม่ได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนใช้ยา ก็ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการเสี่ยงต่อสุขภาพตัวเองกับยาคือเป็นหนูทดลองยาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นขอให้นึกถึงสุภาษิตที่ว่า อายครูไม่รู้วิชา เรื่องสุขภาพก็ห้ามอายหมอเป็นอันขาด.