ภาพของ นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะสาธารณรัฐประชาชนจีน/ผบ.สำนักงานสอบสวนอาชญากรรม และคณะเจ้าหน้าที่จากจีนแผ่นดินใหญ่ เดินสายไปลงพื้นที่ ด่านชายแดนไทย–เมียนมา ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ยืนส่องกล้องมอง ข้ามลำน้ำเมย ไปยังเมืองชเวโก๊กโก จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา มองเห็นอาคารใหญ่โตเรียงราย ที่มีทั้งกาสิโน แหล่งสถานบันเทิง ตั้งตระหง่านตาอยู่ริมน้ำเมย

แค่ภาพเดียวคงสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเกาะติดปัญหาอย่างใกล้ชิด หลังจากปลายปีที่แล้ว เกิดคดีหลอกลวง “หวังซิง” นักแสดงชาวจีน ข้ามไปยังฝั่งเมียวดี แต่ไทยประสานสามารถช่วยเหลือกลับมาได้ปลอดภัย หวังซิง ถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดแดนมังกรแล้ว ผลการสอบสวนฝ่ายมั่นคงจีน ทำให้รู้ว่า กลุ่มคนร้ายก่อเหตุโยงใยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขบวนการใหญ่ เชื่อมโยงทั้งในจีน–ไทย–เมียนมา จึงออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องพร้อมไล่จับชุดแรกได้แล้ว 20 คน ยังเหลืออีก 10 คน
เกือบทุกฝ่ายต่างรู้ดีว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีฐานบัญชาการใหญ่กบดานอยู่ในพื้นที่เมียวดี ระยะหลังถูกเปรียบเปรยขนานนามให้เป็น แดนสวรรค์อาชญากรรม, เมืองคนบาป, นรกบนดิน ฯลฯ นอกจากจะมีทั้งชาวจีน-ไทย ถูกหลอกให้ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ กลายเป็นพื้นที่ “ธุรกิจสีเทา” มีทั้ง ค้ามนุษย์, ค้าประเวณี, กาสิโน, พนันออนไลน์ ไปจนถึงยาเสพติด
เมื่อครบเครื่องแหล่งอโคจรเช่นนี้ ไม่แปลกใจหลังปีใหม่ หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงฯ และ ผบ.สำนักงานสอบสวนอาชญากรรม ถึงขนาดต้องมาเมืองไทยเพื่อขอสัมผัสให้เห็นด้วยสายตาตัวเอง นอกจากไปแม่สอดยังนำคณะขึ้นเหนือไป อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มองข้ามจากแม่น้ำโขง เห็น อาณาจักรคิงส์โรมัน ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว อีกทั้งยังเดินทางไปยัง อ.แม่สาย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ถ้าข้ามด่านแม่น้ำสายแห่งที่ 1 สามารถเชื่อมไปยังเขตปกครองพิเศษต่าง ๆ ในเมียนมาได้หลายจุด อาทิ เขตปกครองพิเศษโกกั้ง, ว้า และเมืองลา

พื้นที่แนวตะเข็บชายแดน ล้วนเคยมีประวัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจไทยและ กสทช.ได้ใช้ ปฏิบัติการระเบิดสะพานโจร เคยตัดการ ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่คาดว่าจะส่งไปให้กับขบวนการผิดกฎหมายในต่างแดนแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถกำราบแก๊งอาชญากรเหล่านี้ได้ คดีล่าสุดในเมียวดี โซเชียลจีนถึงขั้นออกโรงหนุนเชียร์ไทยไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตลอดสัปดาห์ที่แล้วแค่พูดถึงเรื่อง ตัด ไฟฟ้า–อินเทอร์เน็ต ที่ถูกส่งไปยังเมียวดี
กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าช่วงตรุษจีน ถาโถมใส่รัฐบาล มีเพียง กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานเดียวขยับ นำเอกสารหลักฐานออกมาอธิบายให้สาธาณชนรับรู้ ยืนยัน กฟภ. ทำหนังสือขอความเห็นไปยัง หน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อให้พิจารณาตรวจสอบ ผู้ซื้อไฟฟ้า เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีอาชญากรรมต่าง ๆ หรือไม่ แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องเงียบหมด!!
กระทั่งระดับรัฐมนตรีจากแดนมังกรบุกมาเยือนถิ่นสยาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นย้ำประเด็นสำคัญเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การตัดบริการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต กลุ่มอาชญากรรมในต่างแดน, เจรจากับชนกลุ่มน้อยปล่อยตัวชาวจีนที่ถูกหลอกไปทำงานซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกจำนวนมาก, ตั้งศูนย์ประสานงาน ระหว่างไทย-จีน ฯลฯ ถ้ามองการทำงานของฝั่งจีนตามตำราพิชัยสงครามซุนวู “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง“ จะปราบโจรคอลเซ็นเตอร์จึงต้องมาลุยเก็บข้อมูลให้เห็นกับตาด้วยตัวเอง !!

จังหวะที่นายกฯแพทองธาร ชินวัตร มีภารกิจบินไปจีน (5-8 ก.พ.นี้) พบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เชื่อว่าปัญหา “อาชญากรรมออนไลน์-ธุรกิจสีเทา” ในพื้นที่ดินแดนสวรรค์ทุนสีเทา แต่ส่งผลกระทบต่อจีนด้วยนั้น คงเป็นอีกเรื่องสำคัญที่น่าจะถูกหยิบยกมาหารือเพื่อร่วมกันสะสางปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน!!.
……………………………………………….
เชิงผา