ทางตรงช่วงท้ายก่อนเข้าเส้นชัย อันดับ 1-2 ต่างสับสปีดกันมาเต็มฝีเท้า ชนิดไหล่ต่อไหล่ สุดดุเดือด ก่อนที่นักวิ่งทีมชาติไทยจะเข้าเส้นชัยก่อนแค่ 1 วินาที

สำหรับ “รองแชมป์” แม้จะเข้ามาด้วยหน้าตาเหยเกจากความเหนื่อย และอาจจะผิดหวัง แต่ก็ดูออกชัดว่า “เธอยังเด็กมาก”

น้องอายุแค่ 12 ปีครึ่ง แต่หวุดหวิดจะได้แชมป์หนึ่งในรายการวิ่งที่ใหญ่สุดของประเทศ และเกือบจะชนะนักกีฬาทีมชาติไทย

สู้กับ ปารียา เดือดตลอดเส้นทาง

“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025” งานวิ่งใหญ่ ที่เปี่ยมด้วยมาตรฐาน และความประทับใจจากชาวบุรีรัมย์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระยะเดือด เกมสั้น 10 กม.หญิง แชมป์โอเวอร์ออลตกเป็นของ นักวิ่งเก๋าดีกรีทีมชาติไทย ปารียา สนเสริม เวลา 38.24 วินาที

คนที่สับสปีดตามมาติดๆ แพ้แค่ 1 วินาที “นิตา” ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล เวลา 38.25 วินาที และอย่างที่บอก เธอยังอายุไม่ถึง 13 ปีเลย…แต่เกือบจะได้แชมป์ใหญ่ของประเทศ และเกือบจะล้มทีมชาติไทย

ยิ่งไปดูเวลา “ชิพไทม์” ซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มนับตั้งแต่เหยียบผ่านจุดสตาร์ต น้องนิตา ทำได้ดีกว่า ปารียา ด้วยซ้ำ (การปล่อยตัวจะแบ่งเป็นบล็อก คนอยู่บล็อกหน้าจะได้เปรียบที่ได้ออกก่อน การวัดแชมป์ดูว่าใครเข้าเส้นชัยก่อน คือดู “กันไทม์” เริ่มปล่อยปุ๊บนับเวลาทุกคนทันที แต่ “ชิพไทม์” ของแต่ละคนจะเริ่มนับต่อเมื่อคนนั้นวิ่งผ่านจุดสตาร์ต)

“นิตา” ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล ทำเวลา ชิพไทม์ ที่ 38.21 วินาที ดีที่สุดของฝ่ายหญิง ส่วน ปารียา ทำได้ 38.23 วินาที

นั่นทำให้นักเรียนชั้นประถม 6 โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ จ.จันทบุรี รับรางวัลจากการคว้าที่ 2 โอเวอร์ออล 12,500 บาท/รางวัลทำเวลาดีสุด Best of Thailand 20,000 บาท และทุบสถิติกลุ่มอายุอีก 5,000 บาท รวมแล้ว 37,500 บาท

ยิ้มรับรางวัล

เนื่องจาก น้องนิตา ลงแข่งครั้งแรกจึงยังไม่มีสถิติ จึงอยู่บล็อกถัดจากบล็อกอีลิต ทำให้ออกตัวช้ากว่า ปารียา ซึ่งในโลกของความจริงอะไรจะเกิดก็ไม่รู้ หากปล่อยตัวเท่ากันก็ไม่ได้หมายความว่า นิตา จะชนะ ปารียา แน่นอน มันยังมีรายละเอียดการรักษาความเร็วระหว่างทาง ทว่าเมื่อเห็นตัวเลขก็อดเสียดายแทนไม่ได้ และที่แน่ๆ นี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ แล้ว

“ตอนแรกน้องเสียใจ ไม่ได้แชมป์โอเวอร์ออล แต่พอมารันชิพไทม์ เขาเข้ามาที่ 1 เขาดีใจมาก” ธชชล ศรีขำกูล หรือ “แม่บี” คุณแม่ของ “น้องนิตา” ให้สัมภาษณ์กับ “กีฬาเดลินิวส์”

“ตอนสปรินท์เข้าเส้นชัย ถ้าน้องถอดใจว่าไม่ทันแล้วก็คงไม่ได้ทำเวลาเร็วสุด แต่น้องทำเต็มที่ แพ้วินาทีเดียวไม่เสียใจ”

เป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ แถมได้เงินเพียบ แต่กับคำถามว่าจบแล้วไปฉลอง หรือ น้องนิตา ขอรางวัลอะไรไหม

“ไม่ได้ฉลองนะ มีแวะเซเว่นอีเลฟเว่น ซื้อครีมแตงโม(ครีมกันแดด) นิตาอยากได้ เริ่มสาวแล้วอ่ะเนอะ ก่อนมาแข่งบอกว่า ถ้าติดโอเวอร์ออลจะซื้อให้เป็นกล่องเลย” แม่บี กล่าว

“นิตา อยากแข่งบุรีรัมย์ มาราธอน มา 2ปีแล้ว เขารู้สึกทำไมคนชอบสนามนี้จัง อยากลอง เขารู้สึกว่าเขาก็วิ่งได้ ซ้อมมาเรื่อยๆ เคยบอกแม่ว่า ถ้าหนูอายุถึง จะเข้าโอเวอร์ออลที่นี่ให้ได้” ซึ่งเพียงแค่ปีแรก ในแบบแบกอายุเพียบ เธอก็ทำสำเร็จจริงๆ

หลังวิ่งบุรีรัมย์

เป็นผลงานสุดยอดต่อเนื่อง ของเด็กน้อยเมืองจันท์ ก่อนมาบุรีรัมย์ มาราธอน คว้าแชมป์รายการใหญ่ทั้ง 10 กม. เขาชะโงก, กรุงเทพมาราธอน, แชมป์ 5 กม. รายการบางแสน10 ไม่รวมอื่นๆ อีกเพียบ เรียกว่าลงเมื่อไหร่ เป็นมีแชมป์ นับแค่ระดับถ้วยพระราชทานตอนนี้ นิตา มีอยู่ 14 ถ้วยพระราชทานแล้ว

ทำไมถึงเก่งได้ขนาดนี้?!

เด็กมหัศจรรย์จาก จ.จันทบุรี เส้นทางสู่นักกีฬา เริ่มต้นคล้ายๆหลายคน คือมาจาก “เป็นคนขี้โรค”

“เด็กๆ น้องขี้โรค ป่วยบ่อย ป่วยบ่อยจนเปลี่ยนบริษัทประกัน แล้วซนด้วย เลยส่งไปเรียนว่ายน้ำก่อน อยากให้แข็งแรง แต่แรกๆ ยังเรียนไปป่วยไป แล้วค่อยๆแข็งแรงขึ้น”

แม่บี ยังพา น้องนิตา “ค้นหาสิ่งที่ชอบ” ต่อด้วยการไปเรียนบัลเลต์ ก็ไม่ค่อยถูกใจ น้องบอก “ชุดไม่เท่ห์”

“เลยมาเรียนเทควันโด ชุดเท่ห์ดี ก็เรียนไปเรื่อยๆ แข่งไปเรื่อยๆ แต่เด็กต่างจังหวัด พอมาสู้กับกรุงเทพสู้ไม่ไหว”

คำว่าสู้ไม่ไหวนั่นคือ น้องนิตา เล่นเทควันโดในระดับไม่ธรรมดา เป็นตัวแทนจังหวัดจันทบุรี และคัดเป็นตัวแทนเขต เข้าแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ 4 หนแล้ว ซึ่งในเดือนมี.ค.นี้ จะลงแข่งเทควันโด กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ที่ จ.ชลบุรี ด้วย

เทควันโดก็เล่นระดับตัวเขต

“แม่บี” ธชชล ศรีขำกูล บอกว่า ตอนอายุราว 8 ขวบ ที่เล่นเทควันโดไปสักพัก ก็ลองพามาวิ่งเล่น ปรากฏว่า “คลิก” ซะงั้น “น้องนิตา” วิ่งได้ดี และลูกสาวก็ชอบการวิ่งซะด้วย ชนิดที่ทีแรกคุณแม่ก็งงว่ามันสนุกตรงไหน คิดว่าเป็นกีฬาที่เหนื่อย แต่การที่ลูกสาวเริ่มวิ่ง ก็ทำให้ คุณแม่บี เริ่มวิ่งด้วยเช่นกัน

“น้องชอบมาก บอกว่าวิ่งแล้วฟิน(หัวเราะ) พอลูกวิ่ง เราก็เลยวิ่งด้วย แรกๆว่าไม่ไหว แต่ก็สู้ เริ่มวิ่งพร้อมลูก วิ่งไปวิ่งมาติดถ้วยเกือบทุกงานเหมือนกัน” แม่บี กล่าว ซึ่งคุณแม่ก็แรงไม่แพ้คุณลูก ได้ถ้วยเป็นว่าเล่น ใน บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 เธอก็ลง 10 กม.ด้วย ติดอันดับ 5 ของรุ่นอายุ 30-39 ปี เป็นการการันตีความแกร่ง

แรงทั้งแม่ทั้งลูก

กุญแจสำคัญของการวิ่งที่ดีคือ น้องนิตา ได้ระดับปรมาจารย์วิ่งมาสอน “ครูดิน” สถาวร จันทร์ผ่องศรี ของ “Sathavorn Running Club” ถูกบรรจุอยู่ในทีม “ดรีมทีมจูเนียร์” ที่มีอยู่ 8 คน เป็นจำนวนไม่มาก ทำให้ ครูดิน ดูแลได้ทั่วถึง ถ่ายทอดวิชา วางแผนได้เต็มที่

พัฒนาการของ “น้องนิตา” ณัฐปภัสร์ จึงดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเวลาล่าสุดระยะ 10 กม. ใน บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 ที่ทำ 38.21 นาทีนั้น ก็ยังไม่ใช่เวลาดีสุดของเธอ แม่บี บอกว่าตอนซ้อมเคยทำได้ที่ 37 นาทีกลางๆ ด้วยเพซ 3.45

ประดุจเพชรเม็ดใหม่ของวงการวิ่ง กับคำถามว่าวางแผนถึงทีมชาติไหม

“ตอนมาเรียน ครูดินก็ได้วางแผนไว้ บอกว่าถ้าตั้งใจ ขอให้มั่นใจในตัวครู แล้วสู้ไปด้วยกัน”

กับครูดิน

เหมือนเส้นทางวิ่ง มีแววไปได้ไกล ไหนจะเทควันโด แต่แม้งานกีฬาจะโดดเด่น แต่ แม่บี ยืนยันว่าไม่ทิ้งการเรียน เรื่องเรียนคือเรื่องหลัก และน้องก็ชอบเรียนด้วย ตารางแต่ละวันจึงแน่นเอี้ยด เพราะอย่าลืมว่า เทควันโด ก็ยังเล่นอยู่

ตื่นตี 5 ไปซ้อมวิ่ง จากนั้นไปเรียนที่โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ จากนั้นเย็นซ้อมวิ่งอีก ช่วง 17.00-18.30 น. เสร็จแล้วไปซ้อมเทควันโดต่อ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ตารางนี้มีจัดสรรค์วันหยุดพักผ่อน ซึ่งในวันจันทร์ก็จะหยุดซ้อมกีฬา ไปเรียนพิเศษแทน โดยน้องนิตาอยากเข้าวิศวะ ช่างกล จึงได้มาเรียนเสริม

ลูกศิษย์โรงเรียนโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ รับรางวัลเยาวชนดีเด่น 2567

กิจกรรมแน่นเอี้ยดหลายทาง ถามแม่บีว่า จะให้ลูกสาวไปทางไหน ยอดคุณแม่บอกว่าเจ้าตัวก็ยังตอบไม่ได้ว่าชอบอะไร แต่ที่แน่ๆ คือเน้นเรียน แล้วต้องคงสภาพร่างกายไปด้วย คิดว่าถ้าเล่นกีฬาผลงานดีๆ จะมีโอกาสติดโควตานักกีฬาในอนาคต

“น้องเป็นคนวินัยดีมาก สม่ำเสมอ อาจมีขี้เกียจบ้าง แต่เมื่อมีเป้าหมายก็ฮึดสู้ อย่างการวิ่ง น้องตั้งเป้าไว้ว่าอยากไปวิ่งบุรีรัมย์ ก็มุ่งมั่นซ้อม”

แม่บี ยอมรับว่า ด้วยความเก่งกีฬาเกินวัยของ นิตา ทำให้มีคำเตือนด้วยความปราถนาดี เป็นห่วงน้องนิตา ร่างกายจะรับไหวหรือไม่

สู้สุดชีวิต

“พยายามไม่หักโหม การแข่งวิ่งจะเอาแค่ 10 กม. อาจล้นไป 13-14 กม.บ้าง ส่วนระยะ 21 กม. แค่ซ้อม”

“บางคนบอกว่า วิ่งมากระวังแกรน เราน้อมรับคำเตือน แล้วก็ขอบคุณจริงๆ เข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วง ที่กลัวน้องไม่เจริญเติบโต”

“พยายามเดินไปตามฝัน รู้ดีว่าเป็นดาบสองคมถ้าเราดูแลไม่ดี ร่างกายจะแย่ แต่เราก็ระวังเรื่องนี้มาก ปรึกษาหมอตลอด ตรวจละเอียด ให้น้องได้สิ่งที่ดีที่สุด”

เส้นทางของ “นิตา” ณัฐปภัสร์ ศรีขำกูล พุ่งขึ้นมาอย่างโดดเด่น แต่อยู่ภายใต้การวางแผน ดูแลอย่างดีจากคนรอบข้าง ที่จะเรียกว่าประคบประหงมก็ว่าได้

ในวัย 12 ปีครึ่ง เป็นเพียงช่วง “รุ่งอรุณแห่งชีวิต” เท่านั้น หนทางยังอีกไกล

รอติดตามและเอาใจช่วย “เด็กมหัศจรรย์จากเมืองจันท์” กับย่างก้าวบนเส้นทางที่เธอเลือกจะเดินต่อไปในอนาคต.

***วุฒินล บุญวานิช***